เมื่อการเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน ไม่ได้จะเลิกเที่ยวแต่เปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง หลังจากเริ่มออกท่องเที่ยวเดินทางไป ทั่วไทยตั้งแต่มีรถยนต์ถ้านับจังหวัดดูก็เกินครึ่งประเทศ การท่องเที่ยวก็ดูมีความสุขดีแต่หลายๆคนน่าจะเป็นเหมือนกันพอท่องเที่ยวด้วยทางดำเป็นระยะเวลานานประมาณหนึ่ง อาจจะเริ่มเบื่อเริ่มอยากหาอะไรที่มันตื่นเต้นท้าทาย และด้วยอารมณ์อยากเข้าไปสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไม่ค่อยรู้จัก เส้นทางที่ยากลำบากเพราะสิ่งสวยงามมักซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ การเดินทางด้วย 4 ล้อจึงเริ่มไม่ตอบโจทย์ (4ล้อของผมมันคือวีออสโหลดเตี้ยด้วยแหละดูรูปได้จากกระทู้เก่าๆ) จากๆหลายกระทู้เก่าที่เคยตัดพ้อเล็กๆน้อยๆว่าไม่สามารถเข้าที่เที่ยวบางที่ได้เพราะว่ารถผมมันโหลดเตี้ยไปไหนก็ต้องเลียเลยมีเพลียกันบ้าง 555 ความน้อยใจเล็กๆเลยสะสมมาเรื่อยๆจนตัดสินใจ เอาวะหรือเราจะลองเปลี่ยนมาเป็นการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซด์บ้าง มันคงเป็นรสชาติชีวิตในรูปแบบใหม่ที่ตื่นเต้นไม่ใช่้อย

ก่อนจะเริ่มรีวิวทั้งรถทั้งสถานที่ท่องเที่ยวขอเกริ่นที่มาที่ไปของเจ้า CRF250Rally คันนี้เสียก่อน ใครขี้เกียจอ่านเลื่อนข้ามได้เลยนะครับ ส่วนใครไม่สนรีวิวอยากทราบประสิทธิภาพข้อดีหรือข้อจำกัดที่มันทำได้ เลื่อนไปข้างล่างเลย(แต่ข้อดีหรือข้อจำกัดที่มันทำได้นั้นเป็นความรู้สึกแค่ผมคนเดียวที่เป็นมือใหม่รถสายนี้ด้วยนะครับเจ้าของรถคนอื่นอาจจต่างกัน)

หลังจากตัดสินใจได้แล้วว่าจะหามอเตอร์ไซด์ซักคันไว้ท่องเที่ยวกับแฟน ต้องบอกก่อนว่านี้เป็นมอไซด์คันใหญ่คันแรก ปกติขี่แค่เวฟกับคลิก แต่พอเคยขี่รถมีครัชโซนิคกับCBR ของเพื่อนบ้าง คันนี้เลยจะเป็นคันแรกเลยต้องคิดหนักคิดนานมากเพราะมอไซด์ราคาเกินแสนสำหรับผมและที่บ้านมันถือว่าแพง และต้องอยู่ด้วยกันไปยาวๆแน่ไม่ถูกใจก็ห้ามทิ้งชนั้นต้องเลือกให้ถูกใจ

สิ่งที่ต้องการหลักๆเลยคือ

1.เดินทางไกลด้วยความเร็ว120 ได้ไม่เหนื่อย

2.สามาถลุยทางที่ลำบากๆได้คือที่ตั้งใจคือจะไปที่ท่องเที่ยวสไตล์รถกระบะยกสูงเข้าถึงไรงงี้ไม่ถึงกับลุยในป่าลึก

3.ประหยัดน้ำมันพอประมาณ

4.น้ำหนักไม่หนักมากจะได้ไม่ลำบากตอนยก

5.ราคาอยู่ในระดับแสนต้นๆ เพราะผ่อนไหวแค่นี้

6.ต้องเป็นรถใหม่

7.ไม่ชอบหมอบเลยตั้งใจจะเอา เน็คเก็ตหรือทัวร์ริ่ง

จากความต้องการข้างต้นที่พูดมาสรุปคร่าวๆต้องเป็นรถไม่เกิน 300 CC แน่นอนเพราะตัวแปลสำคัญคือ งบ 555

หลังจากหาข้อมูลกันอย่างยาวนาน เป็นปี ที่จริงหาไม่นานหรอกแต่ว่างบหมดเลยพับเรื่องมอไซไว้เกือบปีพอมีงบเลยกลับมาหาข้อมูลอย่างหนักอีกรอบ ที่ตอนแรกมีในใจก็คือ

kawasaki Z250sl ตัวนนี้เป็นไปได้ที่สุดตอนนั้นรูปทรงชอบแต่ดูเล็กบางไปหน่อยแต่น้ำหนักเบาตามต้องการแถมราคาถูกผ่อนสบายมากๆตัวนนี้ ราคา 122000

z250 ตัวนนี้ก็ชอบสวยบึกบึ่นแต่เกินงบไปหน่อยหนัก ราคา 150000

Duke 200 ตัวนี้ก็ชอบทรงเห็นราคาลดลงมาเหลือ120000 แล้วยิ่งอยากจัดคันเบาด้วยตรงใจหมดแต่ติดเรื่องตอนบำรุงรักษาที่ศึกษาว่าค่อนข้างสูง

CB300F ตัวนนี้ไม่ค่อยชอบหน้าตาเลย แต่ข้อดีอื่นๆเข้าฮอตหมดเลย ราคา อัตราน้ำมัน บำรุงรักษา ราคา 130000

ตอนแรกมีแค่นนี้จริงๆไม่มีCRF ในหัวเลยเพราะใจแรกๆคิดว่าเน้นรถเบาก็พอไม่ได้จะไปทางโหดมากมันน่าจะไปได้หมดทุกรุ่น

แต่พอสักพักเริ่มศึกษาไปมา CRF ราคา134000 เข้ามาทำคะแนนในหัวข้อดีของมันดีหมดเลยเหมือน CB300F แต่ติดตรงยังไม่ค่อยชอบหน้าตาสักเท่าไหร่

แต่จนถึงช่วงปลายเดือนตุลา ที่กำลังตัดสินใจตอนนี้มีในหัวแค่ Z250sl กับ CRF แล้วซึ้งจริงๆมันเทียบกันไม่ได้เลยเพราะมันรถคนละแนว แต่ที่บอกน้ำหนักสองคันนี้เท่ากัน เครื่องเท่ากัน เลยคิดว่าถ้าลุยไม่หนัก sl ก็ไปได้

จนพอมีข่าว CRF250Rally จะเปิดตัว แล้วในที่สุดเขาก็มาจริงๆ ตอนแรกกะคิดว่าถ้ามาแสนแปดก็คงตัดใจผ่อนไม่ไหวแน่ๆ สรุปเปิดมา 164000 พอเห็นหน้าตาแค่นั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วเพราะตอนแรกใจก็เริ่มเทมา CRF แต่ติดตรงหน้าตายังไม่ค่อยโดนใจพอเจอ Rally เข้าไป ใจเทให้เต็ม100 แต่ด้วยราคาที่เกินงบตั้งไว้ เลยใช้เวลาคิดอยู่15วัน จนต้นเดือนธันวา ตัดสินใจไม่เปลี่ยนแปลงกัดฟันอัดเงินดาวน์เอาคันที่ชอบที่ใช่ เลยไปจองทันที คันนี้ออกที่ร้านทวีทรัพย์ ได้คิวที่ 11 ช่วงนั้นยังเป็นช่วงรถล็อตแรกคนหากันให้ควักได้มาศูนย์ละคันสองคัน กว่ารถจะมา ก็กลางเดือนมกรา เมื่อได้ฤกษ์ได้ยามพอเหมาะ เป็นสิ้นเดือนมกราพอดีที่ได้ควบเจ้าคันนี้กลับบ้าน


หลังจากได้แลลี่มา ทริปเปิดบริสุทธิ์วันแรกที่ออกรถไม่รู้จะขี่ไปไหนให้สมกับชื่อแลลี่ต้องขี่ออก ตจว วะ เลยเอาใกล้ๆก่อนเพราะไม่เคยลองขี่รถสูงๆแบบนนี้ควบครั้งแรกเลยขอเป็นอุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่นละกันใกล้ดี90โล


หลังขี่วนในซอยอยู่3รอบ ก็แต่งตัวออกมาเลย เติมน้ำมันถังแรกโซฮอล 95 200บาท

สัมผัสแรกหลังจากออกขี่บนถนนรถสูงมาก ตัวผมสูง 178 ขาลงได้สองข้างเกือบเต็มขาแต่รู้สึกหวิวๆมาก แต่ด้วยความสูงนี้ทำให้มองเห็นอะไรได้เยอะมากๆ อัตราเร่งดีมากๆแน่นอนผมเคยขี่แต่รถเล็กเจอเครื่องใหญ่มันต้องแรงกว่าอยู่แล้ว 555 ครั้งแรกขับช้าๆ บิดไม่เกิน 110 ขับกลับมาทั้งวันสรุปน้ำมันกระพริบตอน 264โล เติมน้ำมันกลับเข้าไปจนเติมอีก 7.4 ลิตร เท่ากับว่าวิ่งได้ 35.64โล/ลิตร ถังแรกประหยัดมากถังต่อไปจะทำได้เท่าไหร่เดี่ยวไปดูกันครับ


จะเริ่มรีวิวแล้วนะ555 เกริ่นมายาวโคตร เดี่ยวจะสรุปเรื่องรถให้ฟังท้ายๆอีกทีจากการใช้งานมา 3 เดือน ระยะทางตอนนี้ 4000กว่าโล

เอาล่ะเข้าเรื่องทริปนนี้กันดีกว่า

Runin CRF250Rally ฉบับทางการ 2วัน2คืน CRF3 คัน Forza 1

วันแรก ลุยปิล็อค-เนินกูดดอย-เนินช้างศึก -เหมืองสมศักดิ์ - แช่น้ำตกจ๊อกกระดิ่ง ยิงยาวไปนอนแพสังขละบุรี แพดอกบัว 1000 บาท ติดสะพานเลย เที่ยวถนนคนเดิน

วันที่สอง นอนชิวริมน้ำ เที่ยวโบสถ์กลางน้ำ ก่อนกลับแวะ ด่านเจดีย์สามองค์ แวะกินข้าวน้ำตกซองกาเลีย ถึงบ้านด้วยความเพลีย แต่หัวใจเต้นแรงตลอดเวลา

รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D5300 18-140kit และGopro Hero 4 Silver ดูคลิปกันก่อนได้จ้า


หลังจากขับวนๆใน กทม.ไปทำงานได้ 600 กว่าโล ก็ถึงวันออกทริปพอดี เริ่มออกเดินทางคืนวันศุกร์นัดกัน 4 คันเจอที่ ปตท.แถวนครชัยศรี จะวิ่งเส้นบ้างโป่งราชรีกัน รวมพลออกเดินทางเวลา 2 ทุ่มพอดี อัดน้ำมันให้เต็ม เหลือขีดเดียวยังไม่กระพริบอัดไป 180 บาท


คืนนี้เราจะไปนอนกันแถวๆน้ำพุร้อนหินดาดบ้านเพื่อนของพี่ในทีมเขากางเต็นไว้ให้แล้ว วิ่งอัดกันมา110-120 ตลอดทาง วิ่งมาถึงราวๆไทรโยก ประมาณ 180โลได้ น้ำมันเหลือ 2ขีดซะงั้น สองข้างทางเริ่มมืดเวลาประมาณ 4ทุ่มกว่า เจอปั้มตู้เลยกดไปคนละ 40 บาทเพื่อความอุ่นใจ

งานนี้มีฟอร์ซ่าหลงมากับเราด้วย คันเดียวเห็นเบาะแล้วก็รู้สึกอิจฉาเล็กๆ555

ในที่สุดก็ถึงที่นอนคืนนี้ ขอบคุณพี่ชายอีกครั้ง กางเต็นให้พร้อมเลย หลังจากผ่านมา 200กว่าโลนิดๆ สก๊อยสาวไม่มีทีท่าบ่นแต่อย่างไร มีอาการเื่อยเล็กน้อยช่วงเข้า 100 โลแรก แต่เรามีแวะกินข้าวกีนด้วยก็ถือได้พักไปในตัว ทริปนนี้มีคันผมซ้อน 2 ครับที่เหลือมาคนเดียว


ตั้งนาฬิกาปลุกตี5.15เราจะไปดูแสงเช้ากันที่ปิล็อควันนี้ วิ่งมาจนถึง แยกเลี้ยวขวาไปสังขละตรงไปปิล็อคมีปั้ม ปตท.ใหญ่โตเติมพลังกันให้เสร็จสรรพ์ รอบนนี้อัดให้เต็ม 220 บาท ผมเติมโซฮอล์95 นะครับ

แลลี่อีก 2 คันเติม E20 แต่ทั้งทริปก็หมดพอๆกันเติมปั้มพร้อมกันไม่ต่างเลย


เช้านนี้โคตรหนาวยิ่งขี่มอไซด์เข้ากระดูกเลย


จากจุดนนี้ต้องวิ่งกันไปอีกประมาณ 70 กว่าโลจะถึงปิล็อค ดูไม่ยากแต่มีช่วง 30โลสุดท้ายนี่แหละที่มีโค้งกว่า300โค้งง ครั้งก่อนเคยมาด้วยววีออสโอโหฝนตกด้วยคลานไปหลุมบ่อเพียบใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง รอบนนี้คนละฟิลเลย มอเตอร์ไซด์คล่องตัวกว่ามากสำหรับเส้นทางที่แคบแค่คดเขี้ยวแบบนนี้ หลุมบ่อไม่ต้องสนใจไปได้หมดไม่ต้องเบรค ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็มาถึงจุดชมวิวก่อนถึงที่ทำการ แสงเช้าเริ่มมาพอดี


ถึงที่ทำการเจ้าหน้าที่พึ่งเปิดพอดี จ่ายค่ารถค่าคนเก็บบัตรให้ดีเอาไว้ใช้ที่น้ำตกจ็ออกกระดิ่งด้วย เราจะเข้าไปชมวิวที่เนินกูดดอยกัน


ขี่เข้ามาหน่อยก็เจอ เจ้านกเงือก คอยต้อนรับจากที่สูง


แหมไม่ลงมาคุยกันหน่อยหรอ ไม่ลงมาก็ไปแล้วนะ


เช้านนี้คนน้อยมาก

แดดจะมาแล้ว


นู้นๆๆสันเขาแถวนั้นแน่ๆเลย เขาช้างเผือก

วันนี้ไม่มีหมอกให้ดูเลย แต่ก็มีวิวเขาชัดๆรอบก่อนมีหมอกเต็มไปหมดไม่เห็นเขาเลย


รีวิวนนี้รูปรถเยอะหน่อยเพราะกำลังเห่อของใหม่ครับ อิอิ


ในรูปอาจจะดูเล็กแต่ของจริงทั้งใหญ่ ทั้งยาว เคยจอดเทียบกับ 500Xของเพื่อน ยาวและสูงกว่า แฮนกว้างพอๆกันแต่ลำตัวแลลี่เราจะผอมบางกว่า500Xครับ ดูไม่บึกบึนเท่า500 หลายๆคนที่กำลังลังเลผมว่าต้องมีคนเอาไปเปรียบกับ500แน่ๆ เดี่ยวจะพูดให้ฟังท้ายๆละกัน


ดูตูดบ้างเจ้าแลลี่นี่เดิมๆเขาทำมาซ้อนสองแล้วตูดห้อยพอสมควรเลย คนเดียวถ้ามีของข้างหลังก็ห้อยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่โช็คย้วยๆนี่ก็ช่วยให้ความนิ่มนวลได้ดีมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบย้วยเขาก็แก้กันได้ในส่วนนี้


แสงแรกของเช้าวันใหม่รู้สึกสดชื่นสดใส อาการเย็นๆ

ทางเข้านอนกูดดอยยังคล้ายเช่นเดิมดินแดงลูกรัง รถเก๋งไม่โหลดมาได้แต่ถ้าโหลดไม่ค่อยแนะนำผมเอาเข้ามาแล้วครูดคราด เดินเอาหน่อยก็ได้ไม่ไกลครับไม่ถึงกิโลทางเข้า

ไปต่อ



จอดเรียงตามลำดับความหล่อสินะผมถึงอยู่หน้าสุดเนี่ยยย 5555


ตานนี่ต้องบอกว่าแต่ก่อนเที่ยวด้วยกันด้วยววีออส สายภูเขาแล้วก็โดนตานนี้มอมเมาจนได้ออกแลลี่เหมือนกันแต่เขาออกก่อนผมเดือนนึง วิ่งไปหลายพันโลและผมนี่พึ่งจะมาครบ1000โลพอดีที่นี้แหละ ก่อนมาได้ไปถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 0 แล้วตอนครบ 600 กว่าโล


คันที่สาม หนุ่มแชมป์ ความสูง160กว่าๆไม่ใช่ปัญหาใครที่ยังกังขาเรื่องความสูงบอกเลยคิดผิด แชมป์นี่พริ้วมาก ตอนนี้แข็งแกร่งแล้ว ออกมาก่อนผมเดือนนึงเหมือนกันคันนี้



คันที่สี่พ่อหนุ่มนักกล้าม ขอตามมาช่วยยกรถครับ555 เดี่ยวจะพาลงเหมืองสมศักดิ์ เดี่ยวจะรู้ว่าใครจะรอดใครจะร่วง ฟอร์ซ่านี่วิ่งมา 2หมื่นกว่าโลแล้ว


ถึงบ้านอีต่องเดี่ยวเราขึ้นไปเนินช้างศึกกันก่อน


1.5 กิโล

ทางเข้า1.5โล มีทางดินสลับคอนกรีตครับ รถไรก็เข้าได้จุดนนี้แต่รถเตี้ยๆต้องคลานๆบางจุด





แล้สก็มาถึงวิวสวยงามจับใจ วิวกว้างไกลมากๆ ใหดูรูปรอบๆกันเลยคงไม่ต้องอธิบายมากที่นี้ วันนี้แทบไปไม่มีคนเลย









เผนโฉมหน้าผู้กล้าทั้ง 4


และแม่ยอดยาหยีของผม หลอกมาเป็นตากล้องทริปนี้ 555


ดูจากความสูงผมสูง178 รถสูงถึงหน้าอก

ฟอร์ซ่าขอเดี่ยวบ้าง


เข็นไปเข็นมาถ่ายกันอยู่นานโข 555


พอยัง

โอเคครบหมู่ไปต่อได้


เราเดินขึ้นมาอีกหน่อยมองเห็นบ้านอีต่องข้างล่างชัดเจน




ขี่ต่อมาถึงบ้านอีต่องแวะฝากท้องมื้อเช้ากันสักหน่อย


มื้อนี้ฝากท้องกับครัวเจ๊ณี รสชาติอร่อยให้เยอะดี ราคาทั่วไป40-50

เดินเล่นเดินชมบ้านอีต่องกัน

เงียบสงบมากเช้านนีอาจจะคนยังมาไม่ถึง




เงาสะท้อนน้ำสวยงามตา


ไม่ลืมถ้าคู่รักตะลอนทัวร์ อิอิ


ไอคนซ้ายเอ็งอย่ามาทำหน้าหล่อให้มันมาก เกรงใจหน้าเหลี่ยมๆอย่างเราบ้าง 555


ขี่เลยมาอีกหน่อยไปเดินเล่นฝั่งพม่า



พ้นตรงเสาธงมาเขาว่าเป็นฝั่งพม่านะ จริงใช่ไหมมนะ



หลังจากอิ่มท้อง ก็ได้เวลาย่อยอาหารรีดพลังเราจะลงเหมืองสมศักดิ์กัน เวลาก็10โมงกว่าๆพอดี แดดกับลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆได้เวลาเชือดฟอร์ซ่า

ฟอร์ซ่าบอกครัชไม่ไหม้ ก็จะไม่หยุดดดด


ขี่เข้ามาได้ประมาณ 5นาที ล้มครั้งแรกของผมก็มา เฮ้ยนี่มันเชือดตัวเองนี่หว่า อันนี้ล้มแบบโง่ๆเลย


คือทางมันก็มีเยอะก็ดันขี่ไปลงหลุมแล้วไม่ได้บิดส่งหมดแรงเสียจังหวะล้มเลย 555 เบาๆครั้งแรก ไปต่อได้ๆมือใหม่นี่นะ

ไปต่อๆทางครึ่งแรก เป็นทางทางลูกรังหินลอยบางหลุมนิดหน่อยถือว่าง่ายๆครับ รถไรก้มาได้เรื่อยๆชิวๆ

ฟอร์ซ่าบอกชิวๆๆโว้ยย



แต่สักพักฟอซ่าขอจอดพักแปบนึงเริ่มปวดแขนเกร็งไปหน่อย ล้อมันดิ้นๆ



เจอป้ายนนี้ก็ครึ้งทางแล้ว


จากจุดนนี้เขาบอกว่าลงได้เฉพาะขับ 4 ฟอร์ซ่าบอกไม่สน ก็คนจะไป

แต่สุดท้ายแล้วฟอร์ซ่าบอกว่าขอจอดไว้ตรงนนี้จะดีกว่า ดูจากทางข้างหน้าแล้ว


นี่เป้นอย่างงี้ หินลอยใหญ่ แอ่งเล็กแอ่งใหญ่และทางชันลงไป อย่าว่าแต่ฟอร์ซ่าเลย ไอ้ผมมือใหม่นี่มีใจฝ่อๆ

จอดพักเป็นเพื่อนฟอร์ซ่าก่อน


กลับมาที่แลลี่บ้างนี่เราปล่อยหนุ่มแชมป์ขี่เพลินๆไปก่อนสงสัยเห็นพวกเราหายไปนอนแกเลยขี่ขึ้นกลับมาดูใหม่บอกแค่นนี้ชิวๆ บอกแล้วความสูงไม่ใช่ปัญหาถ้าเราปรับตัวได้


ให้ดูความชันก็พอประมาณเลย ตรงจุดนี้ผมใจยังไม่แข็งพอเลยให้แฟนเดินลงไปกับเพื่อนฟอร์ซ่า เพาะกลัวถ้าล้มนนี่น่าจะเจ็บได้



ตอนยืนขี่รู้สึกเสียวมากครั้งแรกเลยขี่ลุยๆแบบนนี้ จะเบรคก็ไม่ได้เดี่ยวขาไม่ถึงล้มแน่ต้องปล่อยไปเรื่อยๆ




ปล่อยให้หนุ่มเดินตามมา เดชะบุญมีกระบะนักท่องเที่ยวขับสี่มาจากภูเก็ตผ่านมาพอดี แฟนกับฟอร์ซ่าเลยขอเกาะกระบะท้ายเขาไปที่เหมือง แต่จากตรงนนี้ถ้าเดินจริงๆก็ไม่ไกลมากประมาณ โลกว่าๆ


ในที่สุดเราก็รอดมาถึงตรงทางลงที่เสียวๆนี่มีคลิปอยู่ช่วงกลางๆย้อนกลับไปดูด้านบนได้ครับเอาคาดอกไว้ตอนขี่สรุปขาลงผมล้มไป 1 ครั้งตอนทางเข้า จริงๆตอนลงเหมือนจะยากแต่ผมว่าง่ายกว่าเราไม่ต้องบิดเลยแค่ยินจับแฮนให้แน่นๆทรงตัวแล้วปล่อยไปเรื่อย ช่วงล่างทั้งหน้าหลังแลลี่ไปได้สบายมาก


มาถึงป้าเกล็นแกกำลังกินข้าวกลางวันพวกเราเลยเดินเล่นถ่ายรูปรอบๆก่อน



บรรยากาศดูร่มรื่นชื่นใจแต่น่าเสียดายที่เค้กหมดเสียแล้วมีกลุ่มพึ่งสวนกลับไปกระบะ 15 คัน พวกเราเลยไม่ได้กินเค้ก


ป้าเกล็นน่ารักมากออกมาตอนรับ คุยเก่งเล่าประวัตินั้นนี่ให้ฟัง ก็สงสัยว่าทุกคนที่ลงมาก็ต้องคุยต้องถามป้าแกกันทุกคนแน่ๆ แต่แกดูไม่มีที่ท่าเบื่อหรือรำคาญเลยถามตอบ พวกเราอย่างเป็นกันเองน่ารักมากๆเลยครับ คุยกับป้าจนหายเหนื่อยก็กลับต่อ

ต้องขอบคุณพี่กระบะใจดีที่ให้แนกับฟอร์ซ่าติดรถไปที่เดิมทั้งไป-กลับเลยครับ ยอมรับเลยว่าผมยังมือใหม่เลยยังไม่กล้าซ้อนแฟนกลัวจะล้ม


ไอขาขึ้นนี้ในใจตอนแรกนี่คิดว่าง่ายก็แค่บิดๆๆส่งดันๆขึ้นไป แต่ที่ไหนได้ บิดส่งไม่พอมันต้องดูลายด้วย ผมก็บิดไปมั่ว สรุปบางทีขึ้นผิดลายแล้วพอแรงหมด ที่นนี้จะเอาขาลง ชิบหายพื้นมันหายไปไหนวะ จากพื้นเป้นทางต่างระดับพอหาพื้นไม่เจอ ก็คว่ำสิครับ สรุปขาขึ้นล้มไปอีก 3 รอบเบา555 ที่ล้มทุกครั้งจะอาหารเดียวกันพอผิดลายแรงหมด ขาไม่ถึงล้มแปะ จริงๆรถแรงมีขึ้นสบายครับแต่ด้วยมือใหม่สดๆแบบผม คือยังกลัวคันเร่งในตอนนั้น บิดไม่เยอะทำให้แรงไม่พอส่งผ่านเนินอุปสรรค เลยล้ม แต่ไม่เจ็บอะไรล้มแปะทุกครั้ง


ผลจากการล้ม3ครั้งนนี้ทำให้ พักเท้าคนซ้อนขาหักไปเคี้ยวนึงลืมพับเก็บแต่ยังใช้ได้ปกติจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็ริ้วรอยรอบคันนิดหน่อย แต่พอเราผ่านการล้มมาแล้วมีความรู้สึกเหมือนแข็งแกร่งขึ้น เพราะตอนแรกเรากังวลมากกลัวจะล้มๆ กลัวถ้าล้มจะเป็นยังไง สุดท้ายพอล้มแล้วเราปลอดภัย เลยรู้สึกขี่มั่นใจขึ้นครับ 555 เหมือนว่าล้มก็ล้มดิยกใหม่ขี่ต่ออย่าให้เจ็บแล้วกัน แต่ปกติมันจะล้มตอนขี่ไม่เร็วอยู่แล้วอาการบาดเจ็บเลยไม่ค่อยจะมี


ขึ้นจากเหมืองมาด้วยความเหนื่อยเลี้ยวซ้ายมานิดนิงมีร้านข้าวอยู่พักกินข้าวกลางวัน พร้อมจัดน้ำแข็งใส ไอติมแก้เหนื่อยกัน


อิ่มแล้วบ่ายๆแบบนนี้ไปแช่น้ำตกกันต่อที่น้ำตกจ็อกกระดิ่ง


วันนี้น้ำถือว่าไม่เยอะมากแต่เย็นมากๆๆโคตรสะใจ




เย็นมากๆแสบหูไปหมด

ให้พี่กล้ามปูบ้าง

น้ำกลางๆลึกเหมือนกันนะครับว่ายน้ำไม่เป็นหาเสื้อใส่ด้วย





ได้เวลา3โมงกว่าเราก็ออกเดินทางต่อจุดหมายยังอีกไกลเราจะไปนอนที่สังขละบุรีคืนนี้ ขี่มาเรื่อยๆโค้งสซ้ายขวาไปมามาแวะพักที่เขื่อนวชิราลงกรณ์อีกหน่อย



เริ่มหมดพลังกัน ขับกันตั้งแต่เช้ามืดแล้ว



ออกจากเขื่อนก็ไปแวะเติมน้ำมันปั้มเดิมอัดให้เต็มอีกรอบรอบนนี้ 170 บาทแล้วยิงยาวเข้าสังขละ โค้งเยอะเช่นเคยแล้วผมก็โดนทั้งสามคันทิ้ง 555เข้าโค้งตามเขาไม่ทันยังไม่ค่อยคล่องหรือว่าซ้อนสองก็ไม่แนะใจท้ายเลยหนักๆเลยไม่กล้าใส่ตรงโค้งคันอื่นไปอย่างไว มาถึงสังขละ ทุ่มนึงได้เราได้พักที่แพดอกบัว ราคา1000 บาทถูกมากนอนได้10คน เดี่ยวจะให้ดูรูปตอนเรามาถึงก็เก็บของแล้วไปหาข้าวกินที่ถนนคนเดิน แต่ถนนคนเดินนี้อยู่ฝั่งนู้นเลยตัวเมืองสังขละลืมแวะแต่ตอนแรก

สะพานมอญยามนนี้คนน้อยดีแท้ เราเดินข้ามไปอีกฝั่งแล้วต้องเดินต่ออีก 3โลได้กระมัง นานอยู่นะจะนั้งมอไซด์ก็คนละ20 เดินชิวๆคุยกันเพลินๆละกันเดียวก็ถึง


มาถึงตลาดคึกคักใช้ได้คนไม่เยอะจนเกินไป

มีการแสดงจากชาวบ้าน


เราหาข้าวกินร้านทั่วไปตามสั่ง แล้วก็ตามด้วยหมูไม้ละบาท มาถึงแล้วลองซะหน่อย

มีหลากหลายร้านเราเลือกร้านนี้

ลองไปลองมาชิ้นมันเล็กกินแล้วมันส์ปากจัดไป20ไม้ ร้านนี้รสชาติอร่อยเลยลองๆเลือกกันดู



ต่อด้วยขนมครกอีก กินอย่างอิ่มหนำสำราญใจหมดไปไม่ถึง200 ต่อสองคน อิอิ



อิ่มกันแล้วก็เดินกลับเดินจนถึงก็ย่อยพอดี ที่แพเรามีน้ำแต่ไม่ค่อยน่าอาบเท่าไหร่เราเลยไปอาบน้ำกันที่ฝั่งของแพดอกยัวอยู่ติดสะพานเลย ส่วนแพเราก็รูปล่างแพที่เรียง3แพนั้นแหละเราได้อันกลางวิวดีมากใกล้สะพานสุดตอนเช้านอนดูเด็กกระโดดน้ำได้


ที่นี้เป็นแพเปิดเรื่องความปลอดภัยนี่ไม่แน่นำให้ทิ้งของมีค่าไว้แต่เขาจะมีห้องนึงที่ล็อคได้แต่ปีนเข้าได้เช่นกัน แต่ถ้ามาหลายๆคนไม่น่ากลัวครับ ต่างแพต่างอยู่ไม่มีปัญหา


เรื่องเล่าขำๆตอนมาถึงแพมีน้องสองคนเป็นเชิงๆไกด์ของแพดอกบัว แนะนำเรื่องต่างๆดีมาก แล้วเราแซวว่าอยู่เฝ้าให้ด้วยจะไปตลาด น้องมันก็เฝ้าจริงๆเฝ้ากันจนหลับคาเปลเราเลย555 ผมมากันจนถึงก็ไม่ยอมตื่น จนมีเสียงน่าจะแม่ใครสักคนตะโกนเรียกชื่อลูกดังๆคงว่าหายไปไหนเพราะตอนนั้น สามทุ่มกกว่าแล้วผมเลยปลุกให้ตื่น สรุปเป็นแม่ของน้องจริงๆ555 เลยให้ค่าขนมไปคนละหลาย 20 คือให้รอบแรก20ตอนช่วยยกเป๋าแล้วเพื่อนให้อีก ตอนเช้ายังมาเล่นด้วยเอาลูกข่างมาสอนใหเล่น แถมสอนภาาามอญด้วย แต่ลืมแล้วจำได้แค่ มะเงยระอาว(สวัสดี) ฮะตอนชุ๊(สะพานไม้)

ค่ำคืนนั้นไม่ได้ดื่มด่ำบรรยากาศเท่าไหร่เพราะรู้สึกเพลียร่างกายกันทุกคน เพราะขับรถแต่ตี 5 ตอนนี้จะ4ทุ่มแล้วคืนนั้นเลยแยกย้ายกันนอนอากาศเย็นๆไม่หนาวมากไม่มียุง


อรุณสวัสดิ์ยามเช้าตื่นมาเจอกับแสงสวยๆอยู่บนหัวนอน จะให้ดูรูปแสงเช้ากันเลย


มีหมอกลอยต่ำๆอยู่ไกลๆ



บนสะพานคนกำลังเยอะ

ไอหมอกจางๆลอยบางๆอยู่ที่ผิวน้ำ


เราเลือกนอนอยู่ที่แพคอยดูพระอาทิตย์ขึ้นจากมุมนี้



อารมณ์ตอนนั้นรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก



อื่อหือ


งามจริงๆคิดไม่ผิดที่มานอนที่นี้ครั้งก่อนเคยมาแล้วแค่ตอนกลางวันรู้สึกว่าที่นี้ธรรมดาแต่พอครั้งนี้ได้มาสัมผัสบรรยากาศอีกครั้งที่นี้ไม่ธรรมดาเลยครับ


กลับมาฝั่งนี้บนสะพานกำลังเพียบเลย


คนกำลังรอดูหนุ่มน้อยกระโดดแหมเสียดายเลนส์ซูมได้แค่นนี้ไม่งั้นมุมนนี้น่าจะสวยไม่แพ้กัน




หันมาดูเด็กที่แพกระโดดน้ำโชว์มั้ง




ล้างหน้าอาบน้ำแปลงฟันแล้วไปกินข้าวเดินเล่นสะพานกัน



เดินตลาดเจอป้าๆเอาถาดเอากล่องวางบนหัวด้วย



ขอลองมั้งๆๆ

มื้อเช้าเราหากินแถวตลาดราคาทั่วไปรสชาติอร่อย



อันนี้ตัวอะไรไม่รู้เห็นสวยดี


ต่อด้วยนั่งเรือไปชมวัดกลางน้ำลำละ300บาทตกคนละ 60

นั่งเรือมา10นาทีก็มาถึงครับ



ไกด์หนุ่น้อยยังพูดไม่ค่อยเก่งออกแนวเขิลๆนิดๆ




เสร็จแล้วก็กลับฝั่งกันข้าศึกเริ่มโจมตีบอกพี่คนขับเรือซิ่งๆๆเลย



ทำธุรเสร็จเดินเล่นถ่ายบนสะพานอีกหน่อยคนน้อยแล้ว

ท่าคู่เรียบร้อย


ท่าขี้ก้มีเอ้ยคี่ไหงคนเบลอหว่าา55


แจกความสดใส


มาแล้วอย่าลืมปะแป้งมอญด้วยครับกลิ่นหอมมดี


กลับมาที่แพที่จอดอยู่บนเนินดูไม่ค่อยปลอดภัยแต่ไม่น่าจะมีอันตรายอะไรคนที่นี้รถที่แพอื่นเขาก็จอดกันหมด


เก็บของเตรียมเดินทางกลับชักภาพกับสะพานมอญด้วย


พร้อมลุย




กลาง พร้อมไปต่อหรือยัง

ขวา ไปดิ

ซ้าย ไปไหนบอกกุด้วย


ออกเดินทางต่แตรงนนี้แวะถ่ายรูปเฉยๆ


แวะสักการะหลวงพ่ออุตตมะ



แชว้บไปต่อที่ด่านเจดีย์สามองค์


จะเอาภาษาไหนเลือกเอา

อีกฝั่งก็ต่างประเทศแล้ว



แอบถ่ายรถบ้านเขามาหน่อย


ช็อปตลาดกันสักนิด


ได้เบียร์พม่ามา2ป๋อง



เดินทางต่อจากนั้นเราก็แวะกินข้าวกันที่แพน้ำตกซองกาเรีย คือบรรยากาศดีมาก



น้ำเย็นเจี๊ยบแช่เบียร์ยังได้แต่ไม่รู้จะเย็นป่าว


น้ำเย็นไหลแรงสดชื่นมาก

อาหารก็รสชาติดีไม่แพง


แพงที่สุดแล้วมือนี้ 555 บาท คนละ 111 บาท อากาศดีมกแต่ต้องกลับแล้วตอนนี้ก็บ่าย2กว่าและ


ได้เวลากลับจริงๆถึงแม่น้ำรันตรีเอ้าแวะอีกแล้วว

ตอนแรกขี่ไปด้วยกัน4คันแหละแต่เจอน้ำกลัวจะลึกฟอร์ซ่าเลยมาอข้างบนขอเข้าไปสำรวจสักแปบ


ขี่ไปได้สักพักเจอแอ่งน้ำใหญ่เลยไม่รู้ว่าลึกแค่ไหนเห็นทางซ้ายมีรอยล้อมอไซด์น่าจะคันเล็กเลยเชียร์ตานกไปเลยนั้นมีรอยอยู่ไปเลยๆๆ


ไม่รอช้าตานกขี่เข้าไปได้แปบเดียววป็าดติดหล่ม 555 ดินเหนียวมากปั่นไม่ออกยิ่งปั่นยิ่งลึกดูจากคลิปข้างบนได้


ต้องช่วยกันยกล้อดันออกมาก่อนถึงจะไปได้ สรุปน้ำข้างหน้าสูงแค่ขอบล้อเองเรากลัวกันไปเอง 555


ขับต่อไปอีกหน่อยเจออีกแล้วรอบนนี้ยาวเลยไม่รู้จะหมดตรงไหน และลึกแค่ไหน เลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่าเดี่ยวเข้าไปจะนานจะเย็นแล้วปล่อยฟอร์ซ่ารออยู่ด้วยเลยวนกลับ


สภาพรถที่ลงไปมา ขาขี่ออกมาเก้บนอนเล่นในน้ำแล้วมันมีแอ่งแล้วมีหลุมในแอ่งอีกทีขี่ไปดีๆบุ่มลงไปครึ่งล้อยังดีที่เราบิดสู้ส่งตัวรถเลยลอยพ้นขึ้นจากหลุมออกมา ถ้าตกใจแล้วหยุดบิดล้มในน้ำแน่ น้ำโคลนด้วยไม่อยากจะนึกภาพถ้าล้มตรงนั้น 555


ออกกลับรอบนนี้มาแวะพักกันอีกทีที่วัดท่าขนุน ขี่มอไซด์นี่ไม่เหมือนรถยนต์รถยนต์นนี่ขับอัดๆนานๆได้ แต่มอไซด์ต้องพักบ่อยหน่อยหลักๆมันร้อนแดดแล้วเราจะเพีลยเรื่องเมื่อยไม่เท่าไหล่นะรุ่นนี้ผมว่าคนซ้อนของผมยังไม่บนเรื่องเมื่อยมีทำที่พิงให้สบายแต่เรื่องเพลียนี้มันเพลียแน่นอนทั้งคนซ้อนคนขับ


บ่าย4โมงได้แวะพักกันที่สะพานแขวนวัดท่าขนุนก่อน


เดินไปเดินมานึกว่านายแบบ



เอาบ้างเว้ยเดินไปเดินมาบ้าง555 คนมันจะเบลอๆหน่อย




ทิ้งท้ายทริปนนี้ กลับจริงๆไม่แวะไหนแล้ว


ขากลับออกมาเติมน้ำมันปั้มเดิม 3รอบเลยปั้มนนี้จัดไปอีก 190 บาท

ขี่กลับยิงยาวเอ้าเห็นเมืองมัลลิกาขี่มาจะ100โลและพักอีกสักแพ้บบ (ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ถ่ายแล้ว)



พักกันจนถึง6โมงกว่าเกือบทุ่มก็เดินทางต่อยิงยาวๆๆ



ปิดท้ายท้ายที่สุดแวะกินข้าวตอน3ทุ่มกว่าๆที่องค์พระปฐมเจดีย์แล้วแยกย้ายกลับ ถึงบ้านกันเกือบเที่ยงคืน มันสุดติ่งจริงๆทริปนี้ แวะเติมน้ำมันอีกรอบที่ประฐม กดเติมถังอีก190


จบทริปอย่างสมบูรณ์แบบ รวมระยะทางทั้งหมด 900กว่ากิโล เติมน้ำมันไปทั้งหมด

น้ำมัน180บาท 6.36ลิตร 40บาท 1.03ลิตร 220บาท 7.67ลิตร 170บาท 5.9ลิตร 190บาท 6.62ลิตร 190บาท 6.67ลิตร

รวมเป็นทั้งหมด 990 บาท 34.25 ลิตรสรุปทริปนนี้ กลับมาบ้านยังเหลือ3ขีดวิ่งจนหมดได้1050โล เท่ากับว่า ตกกิโลละ0.94บาท คิดเป็นเฉลี่ย ก็1050/34.25 ได้ 30.65กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับอัตราซ้อนสอง ความเร็วช่วงขาไป-กลับ110-120 130บ้างนิดหน่อยส่วนตามป่าเขาขับช้าๆ ถือว่าพอใจยังถึงตัวเลข30 แต่ก็ถือว่าไม่ได้ประหยัดมากเพราะรถรุ่นนี้ในความเร็วสูงจะใช้รอบเครื่องเยอะผมว่าน่าจะทำให้กินน้ำมัน


มาสรุปรายจ่ายทริปสังขละเฉพาะคันผม ราคารวม 2คน

น้ำมัน 990

กินเย็นแรกวันศุกร์ 70

มื้อเช้าที่บ้าน อีต่อง 130

ค่าเข้า 100

ข้าวกลางวัน 65

ค่าแพ 400

มื้อเย็น 140

เบียร 55

ติ้บเด็ก 40

มื้อเช้า 100

เรือชมวัดกลางน้ำ 120

เบียรพม่า 35

มื้อกลางวัน 220

น้ำปั่น 35

มื้อเย็นที่พระปฐมเจดีย์ 120

และมิจิปาถะอีกเล็กน้อย รวมๆแล้วทริปนนี้ผมสองคนกับแฟนหมดกันไปคนละ 1400 บาท ตรงตามเป้าไม่เกิน1500 คุ้มค่าจริงๆครับทริปนนี้


มาสรุปพูดถึงรถบ้างดีกว่า จะไล่ให้ฟังเป็นข้อๆสำหรับข้อดีหรือข้อจำกัดที่มันทำได้ CRF250Rally คันนี้จากระยะการใช้งาน 4000กว่ากิโล โดยมือใหม่มอเตอร์ไซด์เครื่องใหญ่แบบนนี้นะครับ และเป็นแค่ผมคนเดียวนะคนอื่นเขาอาจจะแตกต่างจากผมลองเอาไปพิจารณากันดู


1.หล่อ อิอิอันนี้ชอบเองเห็นแล้วชอบเลยแต่แรกรูปทรงสูง หัวใหญ่ ยาว สง่า แต่ลำตัวกะตูดผอม ขับแล้วเหมือนขับกระบะยกสูงสูงกว่าชาวบ้านเขาหมด

2. TOP speed ทุกคนเวลาจะซื้อรถต้องมีข้อนี้แน่ๆ ถึงจะบอกว่ารถแนวนนี้ใครเขาดูท็อปสปีดแต่ที่ดูที่ถมไม่ได้จะเอาไว้ขี่แรงๆหรือแข่งกับใครแต่บางคนอย่างผมก็อยากรู้เพื่อเอาไว้ใช้ตอนเดินทางไกลไรงี้ สรุปคันนี้คนเดี่ยวทำได้ 145 กม./ชม. ถ้าซ้อนสองอย่างคันผมน้ำหนัก68+47+สัมภาระน่าจะ10กว่าโล ผมทำได้ 134-135 สุดๆและแต่ยังไม่ได้แช่นานๆ ส่วนอาการส่ายไม่มีนะครับถือว่านิ่งมากรถสูงๆแบนนี้

ส่วนความเร็วที่เหมาะสมที่สุดเวลาเดินทางไกล ส่วนตัวถ้าซ้อนสองนะผมซ้อนสองตลอดเวลาเดินทางไกล ไม่เกิน120 จะรู้สึกสบายๆ ชิลๆแต่ถ้าเกินนนี่จะเอาไว้แซงจะดีกว่า

3.ประหยัดน้ำมัน เรื่องนี้จะบอกว่ากินก็ไม่ใช่แต่จะประหยัดก็ไม่เชิง เพราะตัวเลขที่ทำได้ตอนออกทริปอยู่ที่ 30 กิโลเมตรต่อลิตร ความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน120 เท่าที่ดูพวก500Xนี่เขาก็กินกว่าเจ้าตัวนนี้ไม่เท่าไหร่เลยเผลอๆจะเท่ากันด้วย แต่ถ้าตัวนนี้ขับอยู่แค่100-110ไม่เกินนี้จะประหยัดมาก ตัวเลขจะอยู่32-35 โลต่อลิตร ส่วนถ้าเทียบกับ250ค่ายอื่นที่ผมศึกษามาก่อนออกก็ตัวเลขใกล้เคียงกันไม่ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนที่ว่า1ถัง 300โลสามารถทำได้ถ้าขี่ไม่เกิน 100 แต่พอขี่แล้วสนุกมันบิดเกินตลอด น้ำมัน 1 ถัง ถ้าขับไม่เกิน 110 อัตราซ้อนสองวิ่งได้220+240 กิโล แต่ถ้าบิดคันเร่งเปิดอัก110-130 น้ำมัน1ถังจะวิ่งได้แค่170-190 โล ตกก็กิโลละ0.9-1.1 บาทประมาณนนี้

4.ช่วงล่าง อันนี้ไม่เคยขี่รถใหญ่ๆรุ่นอื่นแต่่รู้ว่าตัวนนี้ช่วงล่างดีมากหลุมบ่อคอสะพานเนินลูกระนาดเราไม่ต้องเบรคบิดส่งก็ได้หรือแค่เบาคันเร่งก็พอไม่มีปัญหาทำให้การเดินทางไม่เสียจังหวะเลย ยิ่งชนบทนี้สนุกมากเจอหลุมบ่อนี้รูดยาวๆ ข้อนนี้ดีแน่นอน

5.พูดถึงถ้านั้งและคนซ้อนมั้ง สำหรับถ้านั้งขับแรกจะมีปวดตัรงต้นคอ สงสัยจะเกร็งไม่เคยขี่ แต่หลังพอไม่เกร็งปกติ ทรงนนี้ขี่ไม่เมื่อยหลังไม่งอเดินทางไกลสบายมีชิลตัดลมได้ดีไม่เหนื่อยครับ ส่วนคนซ้อนตัวแลลี่นี่เบาะจะใหญ่กว่าตัว L ทำให้นั้งเต็มตูดมากขึ้น ถ้านั้งก็ไม่เมื่อยหลังนั้งหลังตรงปกติจะมีก็ที่วางขาคนซ้อนตำแหน่งจะใกล้ขาคนขับต้องขยับปรับตัวกันหน่อย ส่วนเวลาเดินทางไกลผมทำกระเป่ามัดหลังไว้คนซ้อนพิงได้สบายเหมือนมีกล่องคนซ้อนผมไม่บ่นเลย บ่นแต่เรื่องเพลียแดดนิดหน่อยออกทริปมมอไซด์หน้าร้อนนี้มันร้อนจริงๆเรื่องเมื่อยตูดก็ขี่ได้ประมาณ100โลจะเริ่มเมื่อยทั้งคนซ้อนคนขับต้องขยับตูดหน่อยพอขยับก็ไปได้ต่อแต่ประมาณ200โลต้องพักและ แล้วก็เติมน้ำมันด้วยพอดี

6.เรื่องลุย เนื่องจากตัวนี้พื้นฐานมาจาก CRF250L เลยทำให้มันไปได้ทุกที่ไม่มีปัญหาในเรื่องเครื่องยนต์แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือชุดสีที่มันพองลมออกมาใหญ่โตถ้าล้มกระแทกมานนี่เสียหายสูงกว่าแน่นอนแล้วก็เรื่องความสูงตัวนนี้สูงมากเวลาลุยๆอาจจะมีปัญหาเรื่องพื้นหายกันได้ผมว่า ผมสูงๆยังล้มประจำ555แต่ถ้าคนเซียนๆแล้วเรื่อความสูงรถไม่ใช่ปัญหาหรอก

7.นึกไม่ออกและใครสงสัยตรงไหเขียนถามมาได้เลยครับสำหรับคนที่ลังเลอยู่


สรุปเลยว่าเจ้า CRF250Rally คันนี้สามารถพาคุณไปได้ทุกที่ที่คุณอยากไปโดยที่สามารถทำความเร็วในการเดินทางได้ 120 กิโลเมตรแบบสบายๆไม่มีส่าย แต่ถ้าคุณมองหารถที่ทำความรวามเร็วมากกว่าก็ข้ามไปได้เลย เรื่องประหยัดน้ำมันถือว่าทำได้ดีพอประมาณทางดำก็ได้ทางดินก็ดีสามารถไปได้ทุกที่ คนซ้อนอันนี้แล้วแต่คนแต่ถ้าพูดถึงรถในคลาส 250-300 คนซ้อนแลลี่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ตัวนี้อาจจะนั้งสบายกว่าหลายๆรุ่นด้วยซ้ำ ใครที่กำลังเล็งๆอยู่ลองเก็บไว้พิจรณาดูนะครับ สำหรับผมคิดูกมากที่เอาเจ้านนี้มาไม่ผิดหวังเลย ถูกใจจริงๆ


แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ทริปหน้าจะไปเที่ยวไหนจะไปด้วยรถใหญ่หรือมอไซด์แล้วพบกันครับ


เหลี่ยมพาเที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.01 น.

ความคิดเห็น