"12 วันกับการฉายเดี่ยว เที่ยวคนเดียว"

"บันทึกการเดินทางของผู้หญิงไร้แก่นคนนึงที่ไม่ค่อยจะมีสาระ"

"ครั้งแรกกับการรีวิว แต่..ไม่อาจเรียกว่าเป็นรีวิวได้เต็มปากนักนะคะ ข้อมูลอาจไม่ครบถ้วน ขออภัยล่วงหน้า"


ตอน 1 Delhi - Shimla : https://th.readme.me/p/14393

ตอน 2 Dharamsala - Manali : https://th.readme.me/p/14394

ตอน 3 Manali - Jispa : https://th.readme.me/p/14395


22/08/14


สรุปว่ามีการเปลี่ยนแผน จากตอนแรกว่าจะไปทะเลสาบโมริริโดยเริ่มจากเลห์ แต่ดูเส้นทางแล้วเพื่อไม่เป็นการนั่งรถย้อนไปมาให้เสียเวลา เลยนัดเพื่อนชาวเลห์ที่อาสาจะขับรถพาไป เจอกันระหว่างทางที่ Pang โดยที่คุยแบบลวกๆ และได้ตกลงกันว่า เราจะโทรคอนเฟิร์มกลับไปว่าอยู่ไหน ถึงไหนแล้ว จะมาถึงที่นัดหมายตามวันที่นัดหรือเปล่า...

แล้วความบรรลัยก็บังเกิด ที่ Jispa ปกติที่มีสัญญาณโทรศัพท์ ดันไม่มี! ในวันนี้!! อยากได้เรื่องระทึกก็เจอสมใจ!! ที่ตกลงกันไว้คือ เราจะติดต่อคอนเฟิร์มกลับไปว่าอยู่ไหน ถึงไหนแล้ว จะมาถึงที่นัดหมายตามวันเวลาที่นัดหรือเปล่า ปัญหาคือ..เราไม่สามารถติดต่อส่งข่าวถึงเค้าได้เลย อย่างว่าล่ะ ถ้าเกิดผิดแผนขึ้นมา ใครจะอยากขับรถมารอรับเก้อ ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ เราเองก็พลาดที่ชะล่าใจ ไม่โทรบอกแสดงตัวกันนิดนึง.... ไปถึงจุดนัดเราอาจจะไม่เจอเค้าก็ได้ แล้วถ้าไม่เจอล่ะ?? T___T


หลับตื่นมางีบนึง บัคเล็ต พนง.โรงแรมเดินมาบอกว่า มีคนให้ไปด้วย เพิ่นคิด 1500 รูปี ...เล่นเอาอึ้งแดรก.. นี่คือเห็นว่ายังไงก็ไม่มีทางไปแล้วสินะ ราคานี้มันโหดไป๊ เลยบอกแบบนิ่มๆว่า มันเกินงบอ่ะ ถึงจะเป็นข่าวดี แต่คงต้องขอปฎิเสธ ยอมไปหาเอาดาบหน้า

บัคเล็ตเลยบอกว่า เดี๋ยวเธอคุยกับเค้าเองแล้วกัน เค้าอาจจะลดให้...เราตอบแบบอ้อมแอ้ม ทำหน้ารับสภาพไป ระหว่างรออาหารมื้อเย็น พี่บัคเล็ตก็พาคนขับเข้ามาคุย...

เอิ่ม...ยังหนุ่มอยู่เลย หน้าดีด้วย.. คล้ายๆพี่ตั๊ก บริบูรณ์อยู่นะ ไม่เหมือนคนอินเดียเลย ฮีเข้ามาบอกว่าลดให้ได้เหลือ 1200 พร้อมไซโคเล็กน้อย


"ทางมันลำบาก อย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าไม่เลือก ยุจะไปยังไง" ... สรุปความว่า เค้ารู้ว่าเราไม่มีทางเลือก จะบอกราคายังไงเราก็ต้องยอม..แต่สงครามประสาทยังคงดำเนิน...


"มันเกินงบไปจริงๆ ชั้นคงต้องไปกับรถเมล์หวานเย็น ถึงจะรู้ว่ามันโครตใช้เวลานาน แต่ชั้นไม่มีทางเลือกนี่..ให้ทำไงได้.."


ฮียังคงไซโคไม่เลิก.. "แต่ถึงอย่างนั้น..ในสภาพแวดล้อมที่มันไกลความเจริญ อยู่ตามหุบเขาแบบนี้ หนทางก็แย่และอันตราย มันไม่คุ้มนะ ที่เธอจะมาติดอยู่ตรงนี้"..(เอออ อันนั้นตรุก็รู้)


ถึงตรงนี้ บทสนทนาก็เงียบลง..


ฮีคงไม่ง้อ และไม่ใจอ่อน หน้าตาก็ดี ทำไมไม่ใจดีเหมือนหน้าตาวะ คิดละซิ ว่าไม่ไป ไม่อยากจ่าย ก็เรื่องของ อืมมมมม.. เอาไงดีละเนี่ย ฟ้ามีคำตอบให้กับเหตุการ์ณนี้มั้ย ..ว่าแล้วก็ทำหน้าตาเป็น Puss in Boots ต่อไป...


และแล้วนีรู (อีคนขับ หน้าพี่ตั๊ก) ก็มาให้ความหวังว่า ถ้าผู้โดยสารเค้าโอ..เค้าจะยอมให้เราไปด้วย โดยเราจ่ายแค่ 500 (แต่พอมาเจอค่าอาหาร 500 รู กับที่พัก 1200 เริ่มคิดแยะ ว่าจะนั่งรถเมล์ไปดีมั้ย)

แล่วๆๆ ไม่รู้นีรูไปพูดกับคุณลุงคุณป้าชาวฮินดียังไง พวกเค้ายอมให้ไปด้วย คงรมณ์แบบว่า สงสารเค้า ผู้หญิงตัวคนเดียว ต้องมาติดแหง่กอยู่นี่..ลุงกับป้าแอบชำเลืองมาด้วยสายตาตำหนิ ประมาณว่า มาได้ยังไง จะทิ้งไว้ก็เห็นตาดำๆ เลยต้องจำยอมให้ไปด้วย คืนนี้หารถต่อไปได้ สบายใจแระ ว่าแต่..จริงๆแล้วมันก็หาไม่ได้ง่ายเลยนะ ทั้งที่พักยังแพงอีกด้วย ไม่ลองไม่รู้เนอะๆ สวยคิดบวกๆ

ก่อนจะเข้าเต๊นท์พักผ่อน ใจมันก็เริ่มกระวนกระวาย เพราะเราเล่นขาดการติดต่อ ทั้งที่รับปากว่าจะโทรมายืนยันการนัดหมาย สัญญาณโทรศัพท์เค้าบอกว่า เพิ่งจะหายไปเมือบ่ายนี้เอง ได้แต่หวังว่า พรุ่งนี้เช้าจะใช้งานและส่งข่าวได้


เช้านี้ถึงกับกินอะไรไม่ค่อยลง เพราะความกังวล เดินคอตกกลับมาเก็บของที่เต๊นท์ ยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ๆๆ ในเมื่อมันทำอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้ และวันนี้เรายังต้องผ่านพาสอีก 2 พาส การไม่มีอะไรตกถึงท้อง ยิ่งส่งเสริมให้เรามีอาการแพ้ความสูง คิดได้ดังนั้นจึงพยายามตัดความกังวลออกไปซะ The Show must go on!! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้าไปถึง Pang แล้วไม่เจอใคร ค่อยว่ากัน..มันต้องมีทางไปต่อดิ่

ออกเดินทาง 8 โมงครึ่ง โดนขนาบข้างด้วย 2 ป้าอินเดีย ก่อนขึ้นรถยังโดนสัมภาษณ์อารมณ์ผู้ใหญ่ดุเด็ก เลยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่มันไม่มีทางเลือกแล้ว รถเมล์คันเดียวและสุดท้ายก็ออกไปแล้ว..ระหว่างทางรถก็โยกไปมา ตามแรงเข้าโค้ง ปวดเศียรอย่างยิ่ง นั่งรถไปใจก็ตุ่มต่อมไป ว่าจะเจอใครมารับมั้ยน้อ.. จะนั่งไปต่อถึงเลห์ก็ไม่ได้ เพราะคันนี้เค้าพักค้างกันที่ Tso Kar

...นีรูก็ถามว่า หากไม่มีใครมารับจะทำยังไง ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ที่จะมีอะไรรองรับนักท่องเที่ยวและไม่มีที่พักด้วย...ได้แต่ตอบกลับไปว่า Let's see..

ผ่าน Baralacha la pass (4,892 m) และ Lachulubg la pass (5,065 m) เหมือนจะสลัดความกังวลได้(แต่ก็ไม่หมดหรอกนะ) ระหว่างทางที่ผ่าน วิวสวยมากกกกกก แม่เอ้ยยยย..ยิ่งตอนช่วงจาก Sachu - Pang นะ แม่น้ำสีฟ้า ไหลคดเคี้ยวตามโตรกผา วิวมันวิจิตรมาก...แต่ได้ถ่ายรูปมั้ย?? ไม่เลย!! ตกเป็นคนที่นั่งตรงกลาง แถมนีรูก็ไม่จอดอีก ..ได้แต่มองวิวที่ผ่านด้วยความอาลัย และเสียดาย ได้มาแต่รูปส่องๆซูมๆ เบลออีกต่างหาก ถึงตรงนี้ได้แต่ทำใจ

คุณป้าฮินดีแกก็น่ารักนะ คอยแบ่งผลไม้ให้กิน ก็แลเป็นห่วงเราอยู่ มีแวะจอดให้ถ่ายรูปตามพาสบ้างพอหอมปากหอมคอ..ว่าแต่ อีตานีรูก็แปลกนะ คงเป็นพวกชอบพูดไปในทางลบก่อนแน่ ตอนแรกบอก Pang ไม่มีไรเลยนะ ตอนหลังมาบอกว่า ถ้าเพื่อนยูไม่มา ไอมีเพื่อนอยู่ Pang เดี๋ยวฝากฝังเรื่องที่พักกับอาหารให้ พอดีเพื่อนเปิดร้านอยู่แถวนั้น... อะไรของเค้าฟระ

ก่อนจะถึง Pang ไม่กี่สิบโล พยายามปลอบใจตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นยังไง มันต้องผ่านไปได้ ไม่เป็นไรน่า ถึงอีกี้มันไม่มารับก็ต้องเอาตัวรอดได้น่า....

ระหว่างที่รถเริ่มชะลอจอด ผ่านกระโจมร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายอยู่นั้น พลันเห็น อีกี้คู่บุญ!! สุดท้ายมันก็มา!! แต่หน้าฮีเป็นตูดเลยจ้าาา พร้อมบ่นชุดใหญ่..ว่าทำไมไม่ติดต่อมาตามที่คุย ห้ะ! ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดจะไม่รอแล้วน้ะ!! ถ้าชั้นไม่มาเธอจะทำยังไง จะนอนที่ไหน บลาๆๆ ฮีมู้ดดี้ไม่คุยด้วยอยู่พักใหญ่ แต่กระนั้นก่อนจากลุงกับป้า และอีตานีรูก็ต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้ มาถึงนี่ได้ด้วยน้ำใจของลุงป้า ถึงอีตานีรูจะแอบแฝงผลประโยชน์ แต่ถ้าเค้าไม่ช่วยพูดให้เรา คงไม่ได้มากับพวกเค้าละนะ

ออกจาก Pang ก็บ่าย 3 ครึ่งกว่าแล้ว กี้(เพื่อนชาวเลห์) ให้เลือกว่าจะนอนไหนระหว่าง Tso Kar กับ Tso Moriri ..ถ้าไปตัวเลือกที่ 2 อาจไม่ทันแสงเย็น แต่อย่างน้อยยังได้แสงเช้า เลยเลือกนั่งรถยาวต่ออีก 3-4 ชั่วโมง

ระหว่างทางวิวสวยมากอีกแล้ววววววว คราวนี้ Freedom มาก เห็นวิวตรงไหนสวย แสงสวย เป็นต้องขอจอด เหมือนเก็บกดมาเนิ่นนาน จนกี้มันต้องปรามว่าอาจไปถึงจุดหมายมืดเลยนะ ถ้าแกจะแวะบ่อยขนาดนี้

เราจะผ่าน Tso Kar ซึ่งเป็นทะเลสาบเล็กๆจุดเด่นของเส้นทางไปทะเลสาบโมริริคือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำอนุรักษ์ เป็นสวรรค์ของนักดูนก เราได้เจอนกกระเรียนคอดำ (Black necked Crane) กำลังเพลิดเพลินอยู่ริมแอ่งน้ำเล็กๆ ซึ่งเป็นนกที่ใกล้สูญพันธ์ และยังได้เจอลาป่าอีกด้วย แต่มันค่อนข้างจะตื่นคนมากสักหน่อย ซึ่งทะเลสาบทั้ง 2 แห่งนี้ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของเทือกเขาหิมาลัย มันอยู่อย่างสงบเงียบโดดเดี่ยวมาช้านาน จนกระทั่งเริ่มมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากขึ้น ช่วงเวลาที่ได้เสพธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์พร้อมพระอาทิตย์ตกที่ค่อยๆเคลื่อนตัวระนาบกับแอ่งน้ำเล็กๆ ความรู้สึกนี้ มันงดงามมากเลยค่ะ

ด้วยความที่ไม่ใช่ครั้งแรกของการเดินทางบนความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,000-5,000 m เลยประมาทเรื่องการแพ้ความสูง ก่อนหน้าที่จะผ่านพาส 1-3 พาสในวันนี้ ก็มีการค่อยๆปรับระดับความสูงมาแล้วบ้าง ด้วยการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และกินยาเพิ่มเม็ดเลือด (FBC)


หรือแม้แต่ก่อนหน้าจะมาทริปนี้ ก็ยังไม่ใช้ตัวช่วยอะไรเลย ตอนผ่าน Khardungla pass 5,600 m ก็ยังไหวอยู่ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่...ผ่านอารมณ์(อุปาทาน)เหมือนตัวเองกำลังจะ Shock ด้วยอาการขาดอากาศหายใจก็คราวนี้เอง...เมื่ออยู่ดีๆก็รู้สึกหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เหมือนอากาศรอบตัวมันไม่มีเลย ...คือมันจู่โจมมาก จนตัวเราเองไม่ทันระวังและทันตั้งตัว


อีกี้ตกใจมาก จะพาไปส่งโรงพยาบาลชุมชน เพราะอิชั้นร้องเหมือนปลาพะงาบๆว่า "ไอ นีด อ๊อกซิเจน!! ๆๆๆ" แต่ด้วยความที่ยิ่งเราตกใจ จะยิ่งทำให้ตื่นเต้นและหัวใจทำงานหนักยิ่งขึ้น เลยต้องพยายามควบคุมสติตัวเองเป็นอย่างแรก ..นิ่ง และ หายใจลึกๆ ช้าๆ ให้สุดเต็มปอด งดการเคลื่อนไหวใดๆ สักพักใหญ่ๆจึงค่อยขยับตัว... พอดีขึ้น เลยมาวิเคราะห์สถานการณ์ว่าเหตุใดจึงเป็นทั้งที่มั่นใจในร่างกายและไม่เคยเป็นมาก่อน

สรุปว่า วันนี้ระหว่างเดินทางจากมะนาลี-ปัง 7 ชม. ผ่านทั้งหมด 3 พาสนั้น 1.ลุงป้าปิดกระจกเกือบตลอดเวลา เนื่องจากอากาศข้างนอกค่อนข้างเย็น ประกอบกับลมแรงมากๆ แกเลยปิดกระจก ทำให้แท่บไม่มีอากาศเข้า-ออก จากที่ปกติมันก็น้อยอยู่แล้ว 2.วันนี้ดื่มน้ำน้อยมากๆ แค่ประมาณ 2-3 อึก จากปกติเวลาเดินทางบนพื้นที่อย่างนี้ไม่เคยต่ำกว่า 1-2 ลิตรเป็นอย่างต่ำ ด้วยเพราะกลัวจะฉี่บ่อย แล้วรบกวนคนอื่นเค้า เลยงดดื่มน้ำจากที่เคยเป็น...ผลคืออาการแพ้ความสูง...หลังอาหารเย็นอิชั้นก็ขอตัวไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนเด้อ หลังจากวันนี้ลุ้นจนเหนื่อยแถมยังแพ้ความสูงอีก

พรุ่งนี้จะได้เจอทะเลสาบโมริริ ขี้อายแบบเต็มๆตาละนะ

Jispa day note : 22/08/14
- วันนี้ใช้จิตสัมผัสล้วนๆ การเชื่อใจใครสักคนนึง แล้วยิ่งเป็นคนแปลกหน้า มันบอกยากมากว่าเราจะดูจากตรงไหน ว่าใครจะไว้ใจได้...บางครั้งมันก็อยู่ที่ดวง (ไม่ขอแนะนะให้ไว้ใจใครง่ายๆ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์)
- ระหว่างทางเจอรถเมล์จาก Manali - Keylong คือแบบ อีเรื่อยเฉื่อยแฉะมาก เพราะทางขึ้นเขาถนนแย่...ถ้าตรุต้องขึ้นคันนี้จริงๆ จะถึงกี่โมงว่ะนี่
- การตัดสินใจใดๆ ควรมีแผนสำรองไว้ (แต่ไม่ใช่ว่าเราเอง ไม่เคยพลาดนะ)
- อย่าไว้ใจสัญญาณโทรศัพท์ หากมีธุระต้องติดต่อ ให้ใช้เดี๋ยวนั้น อย่าคิดว่ามันจะมีไปตลอดบนพื้นที่กันดาร เอาแน่นอนไม่ได้ เพราะอิชั้นประมาท เลยพลาดที่จะติดต่อเมื่อจำเป็นเยี่ยงนี้
- Altitude Sickness อันตรายมาก หากไม่ทำความเข้าใจให้ดี และไม่ควรประมาทโดยเด็ดขาด แม้ว่าจะไม่เคยมีอาการแพ้ใดๆมาก่อน แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
- เปิดใจ คิดบวก(อีกแล้ว!) แม้จะแอบเคืองตานีรูอยู่บ้างเพราะตอนแรก ตั้งใจโขกสับ รับเงินเรา แต่อย่างน้อย ฮีก็ช่วยพาเรามาถึงปังและช่วยคุยกับลุงป้า ถึงจะต้องยัดเงินให้ฮี 500 รูปีก็เหอะ ถือซะว่าเป็นค่ารถ ค่าน้ำ
- แม้เป็นพื้นที่ที่ความเจริญทางวัตถุ มีค่าน้อยกว่ามิตรภาพ แต่อย่าหวังว่าจะเจอคน Nice เสมอ
- บท Puss in Boots ยังใช้ได้ผล
- คนหน้าตาดี ไม่แปลว่าใจดี..

ตอน 5 Tso Moriri : https://th.readme.me/p/14397

Wanderer Error

 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.51 น.

ความคิดเห็น