"12 วันกับการฉายเดี่ยว เที่ยวคนเดียว"

"บันทึกการเดินทางของผู้หญิงไร้แก่นคนนึงที่ไม่ค่อยจะมีสาระ"

"ครั้งแรกกับการรีวิว แต่..ไม่อาจเรียกว่าเป็นรีวิวได้เต็มปากนักนะคะ ข้อมูลอาจไม่ครบถ้วน ขออภัยล่วงหน้า"


ตื่นขึ้นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเลสาบ...ด้วยความห้าว ถุงมือไม่มี ถุงเท้าไม่ใส่ ลากอีแตะออกมา ผลคือหนาวสลัด ..ถ่ายนิดๆหน่อยๆ ตั้ง Timelapse ไว้ แล้วกลับไปนอนต่อดีกว่า ออกมาอีกทีก็เช็คเอาท์นู้น


ทะเลสาบโมริริสวยมากกกกกก ยิ่งตอนกระทบกับแสง ยิ่งเพิ่มประกายความเข้มให้กับสีน้ำทะเล ส่วนตัวชอบมากกว่า Pangong อีก อาจเพราะ Lanscape และมีมุมให้ถ่ายรูปได้หลายจุด ถึงจะเล็กกว่าแต่ก็ไม่สำคัญ น้ำทะเลสีเทอควอยซ์สวยๆ ถึงกับทำให้ไม่อยากออกเดินทางต่อ...อ้อยอิ่งถ่ายรูปจนกี้มันมาเตือน(อีกแล้ว) ว่า 240 km นะ กว่าจะถึงเลห์... ก็ได้ๆ ไปก็ได้(เดี๋ยวตรุแวะตลอดทางตามเคยเหอะ) ลืมเล่า...ว่าเมื่อวาน แว่บแรกที่อีกี้มันเจอ ฮีมาบอกตอนหลังจากอารมณ์ดีแล้วว่า ตกใจตอนเราลงจากรถ สภาพเหมือนไปรบกับใครมา หัวยุ่งฟู หน้าดำมอมแมม หน้าเหมือนหมาพลัดพราก ชั้นนึกว่าเธอเดินมาเหอะ...นึกแล้วก็ขำ ไม่จริงสักหน่อย


ระหว่างทางจากโมริริ - เลห์ ก็ถ่ายรูปไปเรื่อย เจอมุมไหนสวยก็จอด..เจอคนโบกก็รับ มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะ ไม่รีบ..ไม่ร้อน..เจอใครโบก หากไปทางเดียวกัน ก็สามารถรับเค้าขึ้นมาได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ..น้ำใจมันสามารถแบ่งปันกันได้ทุกที่จริงๆ


วันนี้คือวันที่ 8 ของการเดินทาง ถึงจะเหลืออีก 4 วันจะจบทริป แต่ถึงเลห์แล้ว ก็ถือว่าบรรลุแล้วอ่ะ รู้สึกปลอดโปร่ง โล่งใจ เพราะตลอดเริ่มแรกของการเดินทางที่ผ่านมา คือที่ๆ ไม่เคยไป เป็นสิ่งใหม่ทั้งหมด..ส่วน 3 วันที่เหลือที่เลห์นั้น (วันสุดท้ายเดลี-กรุงเทพ) ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆ เพราะก่อนนี้ที่เคยมาด้วยงาน มันต้องรีบเร่งและไม่มีเวลาอย่างใจอยาก ได้แต่มอง ฝรั่งเดินชิลตาปริบๆ และตั้งใจว่า จะต้องมาเดินเล่นกินลม ชมวิว หาหนังสืออ่านพร้อมวิวพระอาทิตย์ตก ที่เลห์ให้จงได้

ระหว่างที่รถวิ่งเข้าใกล้เลห์เข้าไปเรื่อยๆ เห็นผู้คนชาวลาดักห์ ยิ้มแย้มแจ่มใส บ้านเรือนที่ถูกปลูกขึ้นอย่างเรียบง่ายลักษณะบ้านทิเบต ทุ่งไร่นาข้าวและภูเขาสูงโอบล้อม ตลอดทริปนี้ เห็นลักษณะความหลากหลายทางเชื้อชาติ ผู้คน ความเป็นอยู่และวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเริ่มจากเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายอย่างเดลี เมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยความโรแมนติกของต้นสนอย่างชิมลา ชุมชนชาวทิเบตลี้ภัยและจุดศูนย์กลางของศาสนาพุทธในอินเดียอย่างธรรมศาลา เมืองที่รวมกิจกรรมผจญภัย ทั้งยังเป็นเมืองสุดท้ายแห่งรัฐหิมาจัลประเทศ ประตูสู่แคว้นลาดักห์อย่างมะนาลี จนกระทั่งผ่านผู้คนและเรื่องราวต่างๆ ทั้งดีและเกือบไม่ดี ระหว่างทางจากมะนาลี ทะเลสาบโมริริ จนกระทั้งมาถึงเลห์นั้น...


เมื่อสภาพแวดล้อม ลักษณะภูมิประเทศแถบเทือกเขาหิมาลัย มีแต่ความผันผวนไม่แน่นอน ความลำบากมันทำให้เราเห็นน้ำใจ การเสียสละในเพื่อนร่วมทาง บางครั้งธรรมชาติเองนั่นแหละที่ทำให้เราทิ้งเปลือกที่หุ้มตัวเราเองไว้ เหลือแต่แก่นแท้ในจิตใจให้เรียนรู้กัน


เป็นครั้งแรกของการเดินทางยาวคนเดียว มันไม่เหงาเลยนะ มักสนุกที่ได้คิดวางแผนเอง หาข้อมูล การเอาตัวรอดและตัดสินใจเอง มีเรื่องให้ต้องคิดตลอด บางช่วงต้องตื่นตัว ระแวดระวัง บางครั้งมีเรื่องให้ตัดสินใจผิดพลาด ก็ยอมรับเรียนรู้แก้ไขกันไป การเปิดใจยิ่งสำคัญ มันทำให้เรากล้าที่จะกระโดดออกไปจากจุดเดิม เพื่อรับสิ่งใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องพร้อมรับหากสิ่งที่เข้ามา ไม่ใช่อย่างที่เราคาดหวัง สิ่งที่ทำให้มันมีความหมายที่สุด คือเรื่องราวระหว่างการเดินทาง ไม่ใช่เพียงแค่ไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง....สิ่งที่ได้รับจากทริปนี้ ทุกอย่างคือประสบการณ์ ที่จะไม่มีวันลืม ขอบคุณตัวเอง ขอบคุณทุกคน ขอบคุณทุกเรื่องราว ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทริป 12 วันครั้งนี้...ทุกเหตุการณ์ที่เข้ามา ช่วยหล่อหลอมให้เราเป็นตัวเราและทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น"วันนี้ Mission Complete แล้วค่ะ"


อ่านย้อนหลังได้ที่

ตอน 1 Delhi - Shimla : https://th.readme.me/p/14393

ตอน 2 Dharamsala - Manali : https://th.readme.me/p/14394

ตอน 3 Manali - Jispa : https://th.readme.me/p/14395

ตอน 4 Jispa - Tso Moriri: https://th.readme.me/p/14396


สุดท้ายนี้หากเพื่อนๆมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการเดินทาง หลังไมค์เข้ามาได้เลยนะคะ

ขอบคุณที่รับชมกันค่ะ

ความคิดเห็น