Readme.me - เที่ยวเมืองจันทน์ :: อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล วิหารที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ในประเทศไทย

เที่ยวเมืองจันทน์ :: อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล วิหารที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ในประเทศไทย

วิหารแห่งนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542
จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

เช้าวันศุกร์ที่อากาศไม่ค่อยจะแจ่มใสเท่าไหร่ เรามีนัดเดินทางนัดสำคัญ เพราะเป็นนัดแรกที่จะขับรถเองในระยะทางยาว ๆ อย่างกรุงเทพฯ - จันทบุรี แต่กว่าจะออกเดินทางกันได้ก็ปาไป 10.00 น. แล้ว

เราเลือกขึ้นทางด่วนเพื่อที่จะหลงจากที่ตั้งใจไว้ว่าจะลงบางนาตราด ไปลงทางด่วนบางพลี (ซะอย่างนั้น) แต่กระนั้น เราก็ยังมาโผล่ที่มอเตอร์เวย์ได้อย่างไม่ลำบากนัก

ตลอดเส้นทาง ถึงแม้จะไม่ได้ตรงเด่ไปเลย เหมือนที่น้องชายบอก แต่ก็ถือว่าไม่ได้เลี้ยวไปไหนมาก มีแต่โค้งนั่นหละที่มาก ซึ่งสร้างปัญหาให้คนขับรถไม่ถึงหกเดือนอย่างเรามิใช่น้อย แต่ก็นั่นหละค่ะท่านผู้อ่าน มาถึงขนาดนี้แล้ว....สู้ต่อไปเถอะนะ ทาเคชิ !!! (((ใครวะ)))

การตกแต่งภายในวิหาร

ไม่อยากจะบอกเลยว่าเรามาถึงอำเภอเมืองจันทบุรีในเวลา บ่ายสองโมงกว่า ๆ เราจึงมุ่งหน้าไปที่ ๆ เราหมายมั่นปั้นมือกันไว้ก่อนเลย นั่นคือ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล หรือ โบสถพระแม่มาริอา ที่ชาวจันทบุรีรู้จักกันดี เพราะถือได้ว่าเป็นวิหารที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ในประเทศไทย กันเลยทีเดียว

แท่นบูชา แท่นพิธีกรรม

มาดูประวัติความเป็นมาจากวิกิพีเดีย กันหน่อยมั้ยค่ะ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล (อังกฤษ: Cathedral of the Immaculate Conception) เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิกจันทบุรี ตั้งอยู่บริเวณริมคลองจันทบุรี ตรงข้ามชุมชนเก่าแก่จันทบูร ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี วิหารปัจจุบันนี้เป็นหลังที่ 5 ซึ่งบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ ชาวฝรั่งเศส ได้ทำพิธีเสกขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2452 และก่อสร้างขึ้นโดยคุณพ่อเปรีกาล

ภายในวิหารมีการตกแต่งเพดานเป็นท้องเรือไม้โนอาห์

เดิมวิหารติดยอดแหลมบริเวณหอระฆังทั้ง 2 หอ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปี พ.ศ. 2483 ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ทำการรื้อออกด้วยเหตุผลว่าจะเป็นเป้าทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ จนภายหลังสงครามยุติก็ได้นำมาติดตั้งอีกครั้งในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552 วิหารแห่งนี้มีอายุรวมแล้วกว่า 109 ปี

อาสนวิหารนับเป็นวิหารที่อยู่คู่ชุมชนชาวจันทบูรมาช้านาน นับตั้งแต่สมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 วิหารแห่งแรกได้ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวญวน 130 คน ที่หนีการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในประเทศเวียดนาม เข้ามาตั้งรกรากในปี พ.ศ. 2254 โดยมีบาทหลวงเฮิ้ต โตแลนติโน เป็นผู้ดูแลกลุ่มชาวญวนเหล่านี้ และได้ทำการก่อสร้างวิหารหลังแรกขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2273-2295

ต่อมาได้เกิดเหตุไม่สงบในหมู่บ้านทำให้คริสตชนบางส่วนเดินทางออกจากหมู่บ้าน ทิ้งวิหารจนเสื่อมโทรม จนมีการสร้างวิหารใหม่เป็นหลังที่ 2 ในปี พ.ศ. 2295 โดยบาทหลวงเดอกัวนา ในสมัยคุณพ่อมัทเทียโดเป็นอธิการโบสถ์ ได้ทำการสร้างวิหารอีกครั้งเป็นหลังที่ 3 โดยได้ทำการย้ายมาตั้งในบริเวณที่ตั้งปัจจุบัน (ฝั่งตะวันออก) ในปี พ.ศ. 2377 ในสมัยคุณพ่อรังแฟงเป็นเจ้าอาวาสได้ทำการสร้างวิหารใหม่เป็นหลังที่ 4 ในปี พ.ศ. 2398 และวิหารหลังปัจจุบันได้ทำการสร้างขึ้นโดยคุณพ่อเปรีกาล โดยได้พิธีเสกศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2449

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล นับเป็นหนึ่งในวิหารที่มีสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นโบสถ์ระดับชั้นอาสนวิหารแห่งเดียวในฝั่งตะวันออกของไทย มีจุดเด่นที่เด่นชัดคือยอดแหลมบนหอระฆัง 2 หลัง

ภายในวิหารมีการตกแต่งเพดานเป็นท้องเรือไม้โนอาห์ ช่องบานกระจกแบบกอทิก และกระจกงานกระจกสี นอกจากนี้ภายในยังมีแม่พระที่มีความล้ำค่า ซึ่งตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เม็ด หรือกว่า 2 หมื่นกะรัต และฐานซึ่งหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์ ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่าง ๆ วิหารแห่งนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย

ช่องบานกระจกแบบกอทิก และกระจกงานกระจกสี

แม่พระที่ตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เม็ด หรือกว่า 2 หมื่นกะรัต
ฐานซึ่งหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์ ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่าง ๆ

ช่องบานกระจกแบบกอทิก และกระจกงานกระจกสี

การตกแต่งที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทย

ภายในวิหารอนุญาติให้ถ่ายภาพได้ แต่ให้งดกริยาที่ไม่เหมาะสม และให้สวมเสื้อผ้าที่สุภาพ จึงจะเข้าไปชมภายในวิหารได้ ซึ่งในวันและเวลาที่เราไปเยี่ยมชมนั้น แม้จะไม่ใช่วันหยุด แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมอยู่อย่างไม่ขาดสาย

พระแม่มาริอา

และแน่นอนที่สุดวิหารแห่งนี้ไม่ใช่สวยแต่ภายใน ภายนอกก็ยังสวยน่าชมไม่แพ้กัน และในบริเวณใกล้ ๆ กันนี้ นอกจากจะมีโรงเรียนประถม ทำให้มีร้านขายอาหาร ขายขนม ขายของอยู่มากมายแล้ว ยังมีร้านเล็ก ๆ มีบริการภาพวาดให้คนไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ฟรีอีกด้วย

นอกจากนี้ ใกล้ ๆ กันนั้น ยังมีชุมชนเก่าแก่ เรียกว่า "ชุมชนริมแม่น้ำจันทบูร" ที่มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตรให้เราไปเดินดู ชม ชิม ช๊อป กับบรรยากาศดั้งเดิมของชาวจันทบูรอีกด้วยค่ะ