สองเท้าจะก้าวย่าง ยืน ณ ยอดดอยหลวง ดอยหนอก 
						 
						 สองเท้าจะก้าวย่าง ยืน ณ ยอด 
						ดอยหลวง-ดอยหนอก  
						ตอนที่ 1 จากปากบอก สู่ ยอดดอยหลวง 
						 
						 
						เป็นทริปปลายพย.58 ต้นฤดูหนาว การเดินทางของช่วงเวลาที่บรรจบกับข่าวการมาของมวลอากาศเย็นระลอกใหม่กำลังแรงที่กำลังคืบเข้าแผ่ปกคลุมไทยตอนบน
						
							เช้าตรู่ เราก็มาถึงยังจุดนัดพบ ณ 
							ที่ทำการหน่วยย่อยดล.6 (อุทยานแห่งชาติดอยหลวง) หน่วยน้ำตกจำปาทอง
						 
						
							พิกัด 
							N19° 13.050' E99° 44.290' alt.571m. 
						 
						
							ดอยหลวง เป็นยอดเขาสูงสุดของเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง สูง 1694เมตรจากระดับน้ำทะเล
						 
						
							ดอยหนอก นับเป็นดอยไฮไลท์ เป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์ที่ทั้งชาวลำปาง พะเยา เชียงราย เคารพสักการะ
						 
						
							ดอยหลวง ดอยหนอกเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้จากทุกที่ทั่วเมืองพะเยา ท้าทายสายตาโดยเฉพาะมุมมองผ่านกว๊านพะเยา
						 
						
							อช.ดอยหลวงเป็นเทือกดอยวางตัวไปตามแนวเหนือใต้ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด พะเยา ลำปาง เชียงรายเ
						 
						
							ป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 61 ของไทย
						 
						
							ที่ทำการใหญ่อยู่ตรงน้ำตกปูแกง อ.พาน จ.เชียงราย
						 
						
							ยอดดอยหลวงใต้กลุ่มเมฆ และยอดดอยหนอก มุมมองก่อนถึงที่ทำการดล.6
						 
						
							 
						 
						
							สำหรับใครจะขึ้นดอยหลวง ให้มาติดต่อที่หน่วย 6 ในเขตจ.พะเยาแห่งนี้
						 
						
							เรานัดจนท.ไว้ที่นี่ ฝากรถ 
							Avis และเหมารถกระบะของจนท.ที่จะไปรับลูกหาบ จับจ่ายเสบียง ไปส่งที่จุดเริ่มต้นเดินเท้า และนัดวันและจุดมารับกลับในอีก 3 วันถัดจากนี้
						 
						
							ลูกหาบพร้อม
						 
						
							 
						 
						
							แวะจัดเสบียงกรังระหว่างทาง
						 
						
							เส้นทางขึ้นสู่ดอยหลวง-ดอยหนอก มี 5เส้นทาง
						 
						
							เส้นที่ 1. ฝั่งปากบอก ขึ้นจากฝั่งทิศใต้สุด ใกล้จุดชมวิวรัชมังคลา ริมทางหลวงหมายเลข 120 หรือเรียกว่าฝั่งบ้านปากบอก ทิศใต้สุดของ อ.วังเหนือ ลำปาง จุดต่อแดนกับเหนือสุดของ อ.งาว จ.ลำปาง
						 
						
							เส้นที่ 2และ3 ฝั่งบ้านตุ่น ขึ้นจากฝั่งทิศตะวันออก ตรงอ่างเก็บน้ำบ้านตุ่น ต.ตุ่น อ.เมือง พะเยา แยกทั้งช้ายและขวา แยก ช้ายไปทะลุเด่นสะแกง แยกขวาไปทะลุระหว่างยอดดอยหลวงและดอยหนอก
						 
						
							เส้นที่ 4 ฝั่งบ้านต๋อม ขึ้นจากฝั่งทิศตะวันออก บ้านต๋อม อ.เมือง พะเยา
						 
						
							เส้นที่ 5 ฝั่งปงถ้ำ ขึ้นจากฝั่งทิศตะวันตก บ้านปงถ้ำ อ.วังเหนือ ลำปาง
						 
						
							ผมรีเควสจนท.ว่าขอให้นำทางโดยเลือกเส้นทางที่วิวสวยที่สุดและคนนิยมที่สุดและคำตอบของรีเควสนี้คือ
						 
						
							 
							
						 
						เส้นทางที่ 1 ด้านทิศใต้ ฝั่งปากบอก 
						ณ ริมทางหลวงหมายเลข 120 ถนนสายเมืองพะเยา-วังเหนือ-เวียงป่าเป้า ตอนใต้สุดชายขอบเทือกดอยหลวง ห่างหน่วยดล.6 มาอ้อมใต้มา 40 กิโล
						
							จุดเริ่มต้นเดินเทรลขึ้นดอยหลวงอยู่ที่พิกัด 
							N19° 04.150' E99° 46.350' atl.900m.
						 
						
							อยู่เลยจุดชมวิวริมทางรัชมังคลาภิเษกไป 1.8 กิโลเมตร เป็นช่วงตอนของถนนช่วงที่สูงที่สุดของเส้นทาง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว 900ม. เป็นช่วงพาดอ้อมสันดอยหลวงด้านใต้สุด
						 
						
							และเป็นสันแบ่งแดนจังหวัดพะเยาและลำปาง จุดทางขึ้นเลยเข้าเขตลำปางเล็กน้อย และอยู่ใกล้ทางเข้าบ้านปากบอก อ.งาว จ.ลำปาง อันเป็นที่มาของชื่อจุดทางขึ้นจุดนี้
						 
						
							จอดรถไหล่ทางแล้วเตรียมตัวเดินเท้า
						 
						
							สำหรับบริเวณนี้อนาคตจะมีลานจอดรถให้นักท่องเที่ยว ทางอุทยานกำลังเตรียมพื้นที่ปรับผิว ไม่ต้องจอดรถไหล่ทาง และไม่ต้องไปฝากรถไว้ที่หน่วยอีก
						 
						
							 
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							ก้าวแรกที่ย่างก้าว
						 
						
							 
							
						 
						
							เริ่มต้นเดินเท้า 10:09 น. ตัวเลขสวย ทุกคนพร้อม
						 
						
							ก้าวแรกที่ย่างก้าวก็เริ่มต้นบนระยะทางเดินเท้า 9 กิโลเมตร ยึดสันเขาสู่ยอดดอยหลวงทำความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จาก alt.900m. สู่ ยอดดอยอยู่ที่ alt.1694เมตรจากระดับน้ำทะเล
						 
						
							แผนที่ที่ผมเก็บบันทึกข้อมูลและเส้นทางจากจีพีเอส นำมาโรยบน Google Maps
						 
						
							แผนที่แรกเป็นสเกลกว้างๆ สีแดงแสดงเส้นทางนั่งรถของอุทยานฯมาจากหน่วยดล.6 มายังจุดเริ่มต้นเดินทางและเส้นสีแดงเล็กๆ อีกเส้นที่เป็นจุดที่รถมารับเราวันกลับลงจากเทือกดอย
						 
						
							ส่วนเส้นสีฟ้าๆ คือเส้นทางเดินเท้าของทริปนี้
						 
						
							 
						 
						
							ส่วนแผนที่แผ่นที่สองนี้แสดงรายละเอียดเส้นทางเดินขึ้นดอยหลวง สำหรับเส้นทางในทริปนี้ของเรา จากปากบอก สู่ ยอดดอยหลวง พร้อมสเกลบอกระยะทางเดิน
						 
						
							 
						 
						
							ปะปะพร้อมแล้วไปกันครับ
						 
						
							กิโลเมตรแรก
						 
						
							ไต่ระดับ alt.1000เมตร ความลาดชัน 10% เราข้ามถนนแล้วก็เริ่มเดินเท้า ทางขนานไปกับถนน ค่อยๆ เพิ่มความลาดชันถนนทางซ้ายค่อยๆ เล็กลงและเลือนหาย
						 
						
							จากนั้นก็หักศอกขึ้นเนินชันไต่สูงขึ้นจับสันดอยแรก ปฐมบทก็เริ่มต้นด้วยเนินชันซะแล้ว
						 
						
							 
						 
						
							เนินแรกนี้น่าจะเรียกว่าเนินพัน ( ผมตั้งเอง ) เรายืนพักเหมื่อย ข้อต่อร่างกายยังไม่เข้าที่ ถือเป็นเนินแห่งการอุ่นเครื่องวอร์มอัพละกัน
						 
						
							 
						 
						
							พักเหนื่อยจากเนินแรกก็ตัดขึ้นเนินที่สองต่อ สองเนินติดๆ โดยจะยึดเส้นทางสันดอยไปตลอด
						 
						
							ซ้ายลำปางขวาพะเยา
						 
						
							สภาพป่าโปร่ง สภาพอากาศลมโชยเป็นพักๆ เย็นสบาย มีร่มเงาบังใบตลอดทาง และพักเหนื่อยได้ด้วยการแกล้งทำเป็นก้มๆ เงยๆ ชมใบไม้ดอกไม้ อิอิ
						 
						
							บางชนิดก็รู้จัก หลายชนิดก็ไม่รู้จัก ลูกไม้ที่เห็นเหมือนคณโฑ/แจกัน/พินโบลิ้ง/หรือรูปถ้วยในภาพนั่นคือโคลงเคลงเจ้านี่สรรพคุณทางยาล้นเหลือเลยครับ จัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง
						 
						
							 
						 
						
							พอพ้นสองเนินแล้วก็ค่อยเดินทอดน่องได้หน่อย สลับมาลาดชันต่ำบ้าง
						 
						
							 
						 
						
							จนท.ชี้ให้ดูเปลือกของต้นสนที่ไหม้เกรียมและมีรอยมีดถากเปลือก
						 
						
							อธิบายเป็นความรู้แก่เราว่าเปลือกสนที่ถูกเผาและฝานออกเค้าเอาไปใช้เป็นไต้ เป็นเชื้อไฟพร้อมกับสาธิตนำฝานเปลือกมาจุดไฟให้ดูครับ
						 
						
							เปลือกที่ถูกฝากออกมาจะสังเกตเห็นน้ำมันสนชุ่ม รนไฟเข้าสักพักก็ติดไฟ
						 
						
							 
						 
						
							สันดอยเปลี่ยนระดับความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จากพันเป็นพันหนึ่งขึ้นพันสอง ออกเดินมาได้สองชั่วโมง ทำระยะทางมาได้สี่กิโลเมตร ทางขวาตอนนี้มองเห็นสันเขาไกลๆ ที่มีต้นสนสองใบยืนเรียงราย
							 
						 
						
							สองชั่วโมงครึ่งเราก็มาถึง
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							สันป่าเกี๊ยะ
						 
						
							จุดกึ่งกลางทางสู่ดอยหลวง
						 
						
							ทำระยะมาสี่กิโลเมตรกว่า จะเรียกว่าเป็นครึ่งทางก็ไม่ผิดนักป่าเกี๊ยะคือป่าสน บริเวณนี้มีสนสามใบและสองใบขึ้นอยู่หนาตา จึงเรียกชื่อว่าสันป่าเกี๊ยะ
						 
						
							และเพราะมีต้นสนมาก มีราบหลังเนิน และเวลาก็เที่ยงครึ่งแล้วเราจึงยึดชัยภูมิตรงนี้เป็นที่พักทานมื้อกลางวันกัน และพักอยู่นานกว่า 50นาที
						 
						
							 
						 
						
							เบื้องหน้าสันป่าเกี๊ยะเราเห็นสันชันยาวยอดสูง มันคือ
						 
						
							 
							
						 
						
							สันหมูแม่ด้อง 
						 
						
							จุดชันมากด่านแรกของเส้นทาง
						 
						
							 
							
						 
						
							สันดอยที่เห็นนี้เล็กและแคบ หมูแม่ด้องคือหมูตัวเมียที่เลี้ยงลูกจนร่างกายซูบผอมจนมองเห็นกระดูกสันหลัง
						 
						
							สันดอยที่เล็กและแคบบริเวณนี้จึงเปรียบดั่งสันหมูแม่ด้อง เรานั่งมองสันหมูพร้อมแอบเป่าปาก ชันดีเน้าะ พ้นสันนั่นไปของที่เพิ่งกินมาเนี่ยคงย่อยหมด
						 
						
							 
						 
						
							ระหว่างนั่งพักกันยาวๆ มาชมแผนที่ความสูงกันหน่อยครับ
						 
						
							แผนที่ elevator นี่ผมกับสเกลระยะทางเดินถึงจุดสำคัญๆ ต่างๆ กำกับไว้*
						 
						 
  
						 
						 
						 
						เผชิญหน้าสันหมูแม่ด้อง เอาล่ะครับ ได้เวลาขยับลุยต่อ ออกพ้นดงสนตัดทุ่งหญ้าลงเนินนิดหน่อยแล้วก็เริ่มตะกายสันหมูกันเลย
						 
						
							 
						 
						
							ระยะทางไต่สันหมูยาวราว 400 เมตร ไต่จาก alt.1300 ขึ้นไปยืนเหนือ 1380 ใช้เวลาเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง
						 
						
							 
						 
						
							วิวเหนือสันหมูแม่ด้อง มุมมองย้อนกลับไปสันป่าเกี๊ยะมานั่งพักเหนื่อยกันอีกรอบหลังเนินสันหมู มองทอดสายตาออกไปไกลๆ แทบหมดแรง
						 
						
							เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าขวางเส้นทางอยู่ยังคงเป็นเนินชันยาว!
						 
						
							 
						 
						
							หินแปลกตาเหมือนใครลงแปรงป้ายสีไว้ ระหว่างทางตะกายสันหมูแม่ด้อง
						 
						
							กิโลเมตรที่ 6
						 
						
							เผชิญหน้าเด่นสะแกง
						 
						
							ความชันยาวด่านที่สอง
						 
						
							เด่นสะแกงเป็นคำเมือง เด่นแปลว่าที่โล่ง/ทุ่ง สะแกงแปลว่าตะแคง/เอียง สองคำรวมกันเป็นเด่นสะแกง บ้างเรียกทุ่งสะแกงบ่งบอกลักษณะบริเวณนี้ที่เป็นทุ่งโล่งแจ้งลาดเอียง
						 
						
							 
						 
						
							ณ ตอนนี้เรายืนอยู่ที่ความสูง 1400เมตรแล้ววิวเหนือยอดเด่นสะแกงมุมมองย้อนกลับสวยครับ และก็เหนื่อย
						 
						
							ระยะทางไต่เด่นสะแกงขึ้นมาเนี่ยยาวกว่าสันหมูอีก ความยาวของการเดินสับฟันปลาผ่านเด่นสะแกงอยู่ในราวๆ 600เมตรใช้เวลาไต่ขึ้นมาครึ่งชั่วโมง
						 
						
							และตอนนี้เราก็มายืนเหนือ alt.1500เมตรแล้ว
						 
						
							 
						 
						
							ยืนพักชมวิวให้หายเหนื่อยกันก่อนครับ อากาศก็กำลังดีไม่ร้อน ลมพัดมาทีก็เย็นๆพักเหนื่อยด้วยมุกเดิม
						 
						
							แกล้งก้มๆ เงยๆ ชมต้นไม้ใบหญ้า
						 
						
							 
						 
						
							เพลินๆ กันไปนะครับ ดอกไม้เล็กๆ สีสันสวยหลากชนิด
						 
						
							 
						 
						
							ห้อเลือดเหน่ย จนท.ชี้ให้เรารู้จักสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ชื่อในภาษาถิ่นว่า "ห้อเลือดเหน่ย" เหน่ยแปลว่าละลายสรรพคุณทางยาคือละลายลิ่มเลือดหรือห้ามเลือดอะไรประมาณนั้น
						 
						
							ฟังๆ มาก็ลืมๆ แต่เห็นบอกว่าที่อื่นหายากนะ แต่ที่ดอยนี้เจอกระจายอยู่หลายจุดตัวยาอยู่ตรงรากครับ
						 
						
							ว่าแล้วจนท.ก็ดึงขึ้นมาต้นนึง เห็นรากสีอมเลือดสมชื่อ จัดการเอามีดหันขวาง ซอยแบ่งแล้วหย่อนลงขวดน้ำที่ข้างในบรรจุเหล้าดอย เขย่าๆ กลายเป็นสีเหล้าดองไปเลย
						 
						
							แล้วบอกเราว่าแช่มันไว้แบบนี้เดี๋ยวตกดึกมาเปิดจิบกันรับรองที่เดินๆ ขึ้นมานี่
							หายเมื่อย!
						 
						
							 
						 
						
							ความงามเล็กๆ ระหว่างทางเดิน ความเปรียบต่างระหว่างใบไม้
						 
						
							 
						 
						
							เดินกันต่อครับ กล้ามเนื้อทุกมัดอยู่ตัวมานานแล้ว
						 
						
							 
						 
						
							เข้าสู่กิโลเมตรที่แปด
						 
						
							เราก็มายืนหยุดหน้าป้าย "บันไดก่ายฟ้า" ชันอีกแล้ว
						 
						
							 
							
						 
						
							บันไดก่ายฟ้า
						 
						
							ด่านชันสุดท้ายก่อนถึงยอดดอย
						 
						
							นับเป็นจุดที่ชันที่สุดของเส้นทางสาง เป็นสันดอยที่ทั้งแคบและชันเปรียบดั่งกำลังจะเดินไต่บันไดที่พาดกับท้องฟ้า
						 
						
							 
						 
						
							และที่หน้าป้ายบันไดก่ายฟ้านี่เองเราได้เห็น 
							ดอยหนอก โผล่มาในสายตาแล้ว เห็นกันยัง นั่นๆ ซ้ายมือลิบๆ ไกลๆ
						 
						
							มาก่ายฟ้ากัน ท้องฟ้าโปร่งลมเย็นพัดมาช่วยคลายร้อนชันจริงแต่ไม่ชันยาว ก่ายกันไปด้วยระยะทางประมาณ 200เมตรก็ขึ้นไป
							ยืนเหนือบันไดก่ายฟ้า
						 
						
							 
						 
						
							ดอยหนอก เป้าหมายสูงสุดของทริปนี้ที่เราจะขึ้นไปในวันพรุ่ง สำหรับวันนี้ปลายทางของพวกเราคือแคมป์ที่ยอดดอยหลวง
						 
						
							 
						 
						
							ยืนพักเหนื่อยเหนือบันไดก่ายฟ้า ขอบคุณ
							 Keen Thailand สนับสนุนรองเท้าเดินป่าคู่นี้ใช้มาหลายปีดีดักแล้ว Keen Newport H2 ชอบเป็นการส่วนตัว
						 
						
							เลือกใส่คู่นี้เฉพาะเวลามีทริปเดินป่าขึ้นเขาลงห้วยพื้นรองเท้าหนา ดอกบากร่องห่างสลัดดินดี
						 
						
							ดีไซน์ดอกรองเท้าล้ำมาด้านข้างยึดเกาะทรงตัวเวลาจ้ำลงทางชันบากผิวด้วยเลเซอร์เป็นริ้วคลื่นเหมือนพังพืด
						 
						
							ที่ถูกใจที่สุดคือระบบรัดข้อเท้าที่ออกแบบเหมือนแขวนลอยข้อเท้าปกป้องหัวแม่โป้งไม่ให้ชนปลายรองเท้า
						 
						
							ปัญหาที่กลัวเล็บหลุดเป็นอันหมดไป นี่เค้าไม่ได้เรียกให้มาโฆษณานะ แต่อยากโพนทนาเอง
						 
						
							 
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							 
							
						 
						
							ยอดดอยหลวง
						 
						
							ปรากฎแก่สายตาในที่สุด
						 
						
							เรี่ยวแรงที่แทบหมดกลับมาฟื้นอีกครั้ง กำลังใจกลับมาเป็นกอง ยังอีกไม่ไกลแล้วขณะนี้เรายืนอยู่ ณ ความสูง 1620เมตรแล้วใกล้ความจริงแล้ว
						 
						
							ทำเวลามาขณะนี้ที่ 7ชั่วโมงพอดีๆ กับระยะทางทั้งสิ้นแปดกิโลเมตรกว่าๆ
						 
						
							 
						 
						
							นาฬิกาข้อมือบอกเวลา 17.07น. ตะวันเริ่มยอแสงแล้ว สาดแสงทองอาบไปทั่วป่าดอย ช่วงเวลา Golden Hour ที่ไม่ว่าจะมองไปทิศไหนก็สวยไปหมด
						 
						
							หน้าหนาวดวงอาทิตย์ตกเร็วขึ้น จีพีเอสในมือบอกเวลา Sunset ที่ 17.43น. ต้องเร่งเท้าต่อละ
						 
						
							 
						 
						
							ในที่สุด
							สองเท้าก็ก้าวมา ยืนอยู่ ณ ยอดดอยหลวง มาไม่ทันส่งตะวัน เพราะตกลับขอบฟ้าไปกลางทางย่ำขึ้นยอดดอยซะก่อน T T
						 
						
							 
						 
						
							1694เมตร กับป้ายสักขีพยาน ว่านายน้ำฟ้ามายืนอยู่บนนี้แล้ว ยอดดอยหลวง พะเยา
						 
						
							แม้ไม่ทันมานั่งส่งตะวัน แต่ก็มาทันชื่นชมแสงสุดท้ายแห่งวัน ที่ส่องแสงมลังเมลืองจับขอบฟ้า ........ งาม .....นาทีนี้หายเหนื่อยชั่วขณะ ^^
						 
						
							 
						 
						
							ดอยหนอกมุมมองจากยอดดอยหลวง จุดหมายต่อไปของวันรุ่งขึ้น
						 
						
							 
						 
						
							จากตรงนี้มองไกลไปสุดขอบฟ้าแลไปทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือ เห็นยอด
							ดอยหลวงเชียงดาวอยู่ลิบๆ สูงพ้นขอบฟ้าขึ้นมา
						 
						
							แม้จะอยู่ไกลถึงฝั่งจังหวัดเชียงใหม่ก็ยังสังเกตเห็นได้จากบนนี้เวลานี้ นี่เป็นการทอดสายตาทีเดียวข้ามสองจังหวัดเลยนะเนี่ย พะเยา เชียงราย เชียงใหม่!
						 
						
							ขึงเส้นตรงบนกูเกิลเอิร์ธ ได้ระยะทางจากดอยหลวงพะเยาถึงดอยหลวงเชียงดาว 95กิโลเมตรครับถ่ายภาพป้ายจุดสูงสุดแล้วก็หันมาจำภาพแสงสุดท้ายกัน
						 
						
							ขาตั้งกล้องของผมยังอยู่กับลูกหาบ ดีว่าในเป้มี mini tripod ขาตั้งจิ๋วที่ได้มาจาก เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น จัดการยึดเข้ากับเสาป้ายรัดด้วยเชือกรัดที่มาคู่กับขา แทนขาตั้งใจได้พอสมควร
						 
						
							ก็ขอลาไปกับรีวิวตอนแรกเพียงเท่านี้นะครับ แล้วพบกันใหม่ตอนที่ 2 พิชิตยอดดอยหนอก ความชันที่ท้าทาย
						 
						
							 
						 
						
							บรรทัดนี้ขอขอบคุณเหล่าผู้สนับสนุนหลักการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย-พะเยา เบอร์ติดต่อ 053-744674-5
						 
						
							และผู้สนับสนุนการเดินทางทุกท่าน อาทิ
						 
						
							สายการบินนกแอร์
						 
						
							Avis Thailand
						 
						
							เอาร์ดอร์อินโนเวชั่น
						 
						
							Keen Thailand
						 
						
							 
						 
						
							และท้ายสุดขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านครับ
							 
						 
						
							แถมอีกนิดอันนี้เป็นแผนที่เส้นทางมุมมอง Earth view เก็บแทรกสดมาจากอุปกรณ์จีพีเอส
							 
						 
						
							รายละเอียดเพิ่มเติมหลังไมค์สอบถามผมได้ที่ 
							https://www.facebook.com/Namfapakhao/
						 
						
							ขอบคุณที่ติดตามชมครับ หวังว่าข้อมูลในรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ดอยหนอกรออยู่ในตอนหน้า
						 
						
							ความท้าทายที่รออยู่ และแคมป์คืนที่สองที่ต้องบอกว่าเป็นทำเลตั้งแคมป์ที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของผู้นิยมเดินดอย
						 
						
							>> ติดตามชม
							ตอนที่ 2 ไต่ฟ้าพิชิตดอยหนอก
						 
					 |