สองเท้าจะก้าวย่าง ยืน ณ ยอด

ดอยหลวง-ดอยหนอก

ตอนที่ 2 (จบ)

ไต่ฟ้าพิชิตยอดดอยหนอก





ความเดิมจากตอนที่แล้ว >> จากบ้านปากบอกถึงยอดดอยหลวง 9 กิโลเมตรกับ 7ชม.ครึ่ง กับการพาสองเท้าขึ้นมายืน ณ ยอดดอยหลวงพะเยา จุดสูงสุดของอช.ดอยหลวง ทันส่งตะวันพร้อมชมแสงสุดท้าย





บัดนี้ท้องฟ้าฟากทิศตะวันลาลับเริ่มเข้าสู่ความมืด ดาวบนดินเริ่มระยิบระยับ ข้างล่างนั่นคือบ้านปงถ้ำ ถิ่นอ.วังเหนือ อาณาเขตของจ.ลำปาง



หันมาทางฟากทิศตะวันออก กว๊านพะเยามองมุมสูงกำลังสว่างไสวใต้จันทร์เพ็ญและพราวไปด้วยดาวบนดินที่ระยิบระยับกว่าฝั่งปงถ้ำ เพราะว่าฝั่งนี้คืออ.เมือง จ.พะเยา นั่นเอง ถ้าเรามาเร็วกว่านี้วันเดียวทั่วท้องฟ้าคงกำลังดารดาษไปด้วยโคมลอยยี่เป็ง และคงแลเห็นหมู่กระทงลอยเต็มกว๊านพะเยา เนื่องจากเมื่อคืนนี้เป็นวันเพ็ญเดือนสิบสองนั่นเอง





ฟ้าจวนมืด ไฟฉายคาดหัวพร้อม ก็เดินดุ่มลงจากยอดสูงสุดสู่ลาดเชิงดอย บนนี้ความจริงมีพื้นที่วางแคมป์ แต่น้องกลุ่มหนึ่งจับจองไว้แล้ว เรา 5 คนเลยเขยิบลงมาอีกหน่อย ปักหลักนอนโต้ลมหนาวใกล้ๆ ยอด ทำเลแคมป์บนยอดจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่แคมป์ตรงนี้กับวิวกว๊าน น่าจะเป็นโมงยามสุดฟินไม่แพ้ที่ใด





อรุณสวัสดิ์ทักทัก เช้าวันใหม่ วันที่สองของทริป อากาศหนาวพอประมาณ แต่ลมทำให้สะท้าน แข็งใจมุดออกจากเต้นท์มานั่นลุ้นรอดวงตะวันโผล่

นั่งผิงไฟจิบกาแฟกรุ่นๆ เดี๋ยวเดียวตะวันก็ทอแสงพ้นขอบฟ้าละ ทางทิศตะวันตกค่อนใต้ ตำแหน่งประจำฤดูกาลแห่งหน้าหนาว





หกโมงครึ่ง ดวงอาทิตย์ขึ้นราวๆ เวลานี้ และจะขึ้นช้าไปเรื่อยๆ กระทั่งปลายเดือนมค. จะไปขึ้นเกือบเจ็ดโมงตรง แล้วก็จะค่อยๆ เลื่อนเข้ามาเร็วขึ้นๆ อีกครั้ง และถ้าจะให้ขึ้นผ่ากลางกว๊านพะเยาคงต้องรอราวๆ กลางเมษา แต่นั่นก็จะเป็นดอยหลวงในบรรยากาศหน้าร้อน ไม่รู้จะฟินเหมือนยามนี้หรือเปล่า







ชมตะวันกัน ช่วงเวลาดื่มด่ำธรรมชาติพิสุทธิ์ ก่อนที่จะเก็บแคมป์ ออกเดินทางกันต่อ








ขณะนี้ เมฆไหลคลุมไปทั่วยอดเขา ทางพื้นราบข้างล่างในเมืองแหงนหน้ามองขึ้นมาคงเห็นยอดดอยหลวงมุดอยู่ในก้อนเมฆ เหมือนอย่างที่เราเห็นในวันแรกที่จะขึ้นมา






คลิบหมอกไหลภาพถ่ายบ่อยครั้งก็ไม่สามารถเก็บบันทึกบรรยากาศจริงๆ ที่อยากจะถ่ายทอดได้ ก็ต้องอาศัยภาพเคลื่อนไหวล่ะครับที่จะรับไม้ต่อได้ดีที่สุดบรรยากาศเมฆพัดผ่าน พลิ้วหญ้าเล่นลมบนแคมป์ยอดดอยหลวงในเช้าวันนี้

https://www.youtube.com/watch?v=b6BD6DAd6bw








อุณหภูมิอุ่นขึ้นเป็นลำดับ ปลดเสื้อกันหนาวออกเก็บในกองสัมภาระ ใส่เสื้อกันลมแทน
เสื้อกันลม equinox รุ่น windbreak หยุดกระแสลมตัวนี้ ได้มาจากสปอนเซอร์ ราคาตัวละเท่าไหร่ไม่รู้ครับ เช็คที่ เอาท์ดอร์อินโนเวนชั่น ได้ บาง เบา เล็กจิ๋วมากเมื่อเก็บ ดูสิครับ เก็บแล้วขนาดเหลือเท่าลูกเทนนิส ถึงไม่ให้ก็ต้องตามซื้อให้ได้ นี่เป็น the must ที่ผมต้องติดตัวไปด้วยทุกทริป ห้อยไว้ที่เป้ก็ได้ไม่เกะกะ เลิฟเลย






เอาล่ะครับ เคลียร์แคมป์แล้ว ได้เวลาเดินทางกันต่อ จุดหมายหลักของวันนี้คือขึ้นพิชิตยอดดอยหนอก ไฮไลท์สุดของทริป ส่วนปลายทางคือย้ายแคมป์ไปนอนกันที่องค์พระเจ้าทันใจ ห่างจากจุดนี้ไปราว สองกิโลเมตรเท่านั้นเอง ใกล้มว้ากกก ไม่เคยเดินใกล้ขนาดนี้มาก่อน เหอะๆ


อากาศกำลังดี บรรยากาศรอบด้านกำลังแจ่ม เดินเลาะยอดดอยหลวงกันอีกครั้งแล้วเทรลก็นำลง ดิ่งลงจากยอดดอยหลวงไปเรื่อยๆ สภาพเส้นทางช่วงที่ตัดลงจากยอดดอยหลวง เส้นทางจะเป็นในลักษณะลงเรื่อยๆ ช่วงชันๆ ก็สับฟันปลากันนิดหน่อย




มีสลับขึ้นเนินเล็กน้อย แต่ตลอดเส้นทางถือเป็นขาลง ลดระดับจาก 16xx กว่าเมตร สู่ 14xx กว่าเมตรในระยะทางเพียงสองโล





ป่าช่วงนี้สวยมาก โดยเฉพาะในยามปกคลุมด้วยม่านเมฆหมอกแบบนี้ถ่ายเป็นคลิบเก็บบรรยากาศให้ดูด้วย เทรลเดินสันดอยเสียดเมฆ จากดอยหลวง สู่ดอยหนอก

https://www.youtube.com/watch?v=fbgJ0g_fPLA





แผนที่เส้นชั้นความสูง ผมทำแสดงเส้นทางเดินขยายให้เห็นช่วงดอยหลวง สู่ ดอยหนอก ต่อเนื่ององค์พระทันใจที่เป็นจุดแคมป์จุดต่อไป เส้นสีฟ้าๆ คือเทรลเดินตามสันดอยของเรา




ดอยหนอก
ไฮไลท์ของทริปนี้โผล่มาให้เห็นเต็มตาอีกครั้ง
ความจริงควรจะเห็นตั้งแต่อยู่บนยอดดอยหลวงแล้วล่ะ แต่เนื่องจากอากาศปิด มองจากมุมนี้แล้วยังไม่รู้ว่าจะเอาปัญญาที่ไหนปีนขึ้นไป นอกจากอย่างเดียวคือรู้ ว่ามีเส้นทางเดินขึ้น ... แต่ไม่ใช่มุมแรกที่เห็นนี้แน่









ประชิดเชิงดอยหนอกแล้วครับ ดูสิ หนอกยักษ์สู่ตระหง่านดั่งกำแพงแหงนหน้าตั้งมองขึ้นไปยังทิศทางสู่ยอดดอยหนอก ถ้าไต่ตรงนี้ก็ตรงวิชาปีนผาล่ะ
กระโดดๆ ไปกับ keen สภาพทางช่วงเลาะฐานดอยหนอกจะเริ่มเต็มไปด้วยก่อนหิน เขย่งข้ามก้อนสู่ก้อนบางทีก็ง่ายกว่าปีนขึ้นปีนลง






ต้นปรง
จุดปลงใจหรือจะไปต่อ
ปลงสัมภาระ แวะพักตรงเชิงดอยหนอก จุดนี้ใกล้แล้ว ใกล้จุดเริ่มต้นไต่ดอยหนอก เราจะไต่ดอยกันก่อนแล้วค่อยกลับลงมาเพื่อไปจุดตั้งแคมป์ หรือจะเลยไปจุดตั้งแคมป์เสียก่อนแล้วบ่ายๆ ค่อยย้อนกลับมาป่ายปีนดอยหนอกก็ได้ จุดพักเหนื่อยต้นปรงตรงนี้ ถือซะว่าเป็นจุดปลงใจก็ได้ ใครสรุปตัวเองได้ว่าใจไม่มั่นพอ บางท่านอาจมีโรคประจำตัวคือกลัวความสูง ขึ้นดอยหนอกไม่ไหวแน่ ก็ปลงใจเดินตรงไปจุดตั้งแคมป์เลย









แผนที่เส้นทางเทรลบนภาพถ่ายภาพดาวเทียม จากดอยหลวงสู่ดอยหนอกและแคมป์ ณ องค์พระทันใจ







องค์พระเจ้าทันใจ มองจากระยะไกล ห่างออกไป 260เมตร มุมมองจากจุดเริ่มต้นไต่ดอยหนอก



เริ่มต้นไต่ฟ้า
พิชิตดอยหนอก
มาถึงแล้วต้องขึ้น ขึ้นมาถึงนี่แล้วต้องไต่ มันเสียวสำหรับคนกลัวความสูง แต่ถ้าคุณไม่มีโรคประจำตัวแบบนั้น ไต่เถอะครับถ้าไม่พยายามกระโดดออกไปบนอากาศรับรองตกจากดอยหนอกยาก ไปกราบพระข้างบนกัน




เสียวสุดก็เท่านี้ ผมถ่ายให้มันดูเสียวมากขึ้นเท่านั้นเอง ช่วงตอนที่เลาะผามุมหวาดเสียวมีสลิงค์ให้เกาะเกี่ยวครับ และทางก็ไม่ลื่น ทางเป็นร่องซุกเท้าหรือยันหินไปได้ หญ้าไม่ลื่น หินไม่ลื่น ใครจะถือเคล็ดเชิดหน้าอย่างเดียวไม่มองลงมาก็ไม่ผิดกติกา





ซ้ายก็เสียวขวาก็เสียว ส่วนนี่มุมมองกลับหลังหันเสียวน้อยสุด พร้อมได้เห็นว่าเราไต่สูงขึ้นมาอย่างไร ดูโน่น มองไกลลงไปองค์พระทันใจที่ตะกี๊เห็นห่างอยู่เพียงสองร้อยกว่าเมตรบัดนี้เล็กลิบลิ่วสุดสายตาแล้ว




ขอก้าวย่าง มายืนอยู่ ณ ยอดดอยหนอก วู่วู่ ยอดดอยหนอก 1,428 ม. ถึงแล้ว เป่าปาก ในที่สุดก็ถึง กับระยะทางไต่ฟ้า 200เมตร





สถูปเจดีย์ขนาดย่อมๆ ตั้งเด่นตระหง่าน สัญลักษณ์แห่งพลังศรัทธาของชาวบ้านชาวเมืองที่ฝ่าความลำบากแบกความมุ่งมั่น อิฐทุกก้อน ปูนทุกถุง น้ำเอย ทรายเอย ไต่ฟ้าขึ้นมาสร้างประดิษฐานไว้บนนี้ สถิตย์เป็นที่เคารพสักการะ ทั้งแก่ชาวเมืองพะเยาและลำปาง ตลอดถึงจังหวัดใกล้เคียง


สิ่งนี้เรียกว่าอะไรดี เทวดาอารักษ์! สลักอยู่สองฝั่งปากสถูป มองเข้าไปด้านในจะแลเห็นพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แบบพระพุทธชินราชที่จ.พิษณุโลก เหลืองทองอร่ามตั้งเด่นอยู่ตรงกลางภายในสถูปเจดีย์













กิเลนสลักอยู่ปลายทางก้าวขึ้นฐานสถูป



พระสังขจายตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งถัดไปใกล้ๆ กับกิเลนศาลาเล็กๆ อีกมุมหนึ่งของยอดดอยหนอก





พื้นที่บนยอดดอยหนอกนี้มีขนาดเนื้อที่เล็กๆ ถ้าฟ้าเปิดเราคงจะได้เห็นวิวแทบจะ 360องศาบนนี้อย่างแน่นอน







มองย้อนไปทางยอดดอยหลวง ที่อยู่ใต้เงาเมฆมาตั้งแต่เช้ายังมิจางยอดดอยหลวง พ้นเงื้อมเงาเมฆ โผล่มาแล้วนั่น ผมหยุดนิ่งยืนมองเมฆไหล มันไหลข้ามสันดอย จากฝั่งพะเยาไปฝั่งลำปาง มองเพลินมาก เพลินจริงโมงยามนี้







ป่าหมอก







ได้เวลาลงจากฟ้าไต่กลับลงจากยอดดอยหนอก เวลาระทึกใจเริ่มต้นอีกครั้ง สำหรับคนที่ยังกลัวความสูงถึงแม้จะขึ้นมาถึงบนนี้ได้ดอยการแอบเชิดหน้าไม่มองลงในตอนไต่ขึ้นมา แต่ขากลับนี้ทำอย่างไรได้แล้ว จะเชิดหน้าไต่ลงก็คงสุดวิสัย ถึงเวลาต้องมุ่งมั่นเอาชนะใจตัวเองให้ได้แม้ขาจะสั่น .... สู้สู้









หลังจากกลับลงมายืนที่ฐานดอยหนอกสำเร็จ รอดกลับลงมาได้ยังไง! เราก็มุ่งหน้าต่อทันทีสู่บริเวณที่วางแผนไว้ว่าจะเป็นแคมป์คืนที่สอง ระยะทางเพียงสองร้อยเมตรกว่าๆ และถึงภายในเวลาไม่นานนั่น เวลาก็เพิ่งจะเที่ยงๆ เท่านั้นเอง ยุติแล้วสำหรับเทรลเดินวันนี้ มันสั้นมว้ากกก และนี่เป็นมุมมองย้อนกลับไปยังดอยหนอก ยังเห็นคนไต่กันลงมาอยู่เลย


วงแดงๆ ไว้สองวง ให้เห็นคนที่กำลังไต่ดอยหนอกกลับลงมา มุมมองดอยหนอกอีกครั้ง







อีกมุมมองมาจากบริเวณแคมป์คืนที่สอง


แค้มป์คืนที่สอง ณ องค์พระเจ้าทันใจ จนท.บอกที่มาของชื่อพระเจ้าทันใจว่า เพราะใช้เวลาลงแรงสร้างกันเพียงวันเดียว!







ปลดเป้ลงพักร่าง ได้เวลาพักผ่อน


ถอดรองเท้าวางกองข้างๆ บ้างปล่อยฝ่าเท้าเปิดผิวสัมผัสดิน









วันนี้เราจบการเดินที่เที่ยงวัน เป็นเทรลที่สั้นมาก พักยาวมาก อันที่จริงแคมป์คืนที่สองนี้อาจจะไม่จำเป็นเลยสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด ลงจากดอยหนอกมาพักกินข้าวตรงนี้แล้วก็เริ่มตรงเดินลงกันได้เลยครับ จัดเป็นทริป 2วัน1คืนได้ แต่สำหรับผมต้องการแบบสบายๆ หน่อย มีเวลาอยู่กับธรรมชาติเยอะหน่อย เลยขยายเป็น 3วัน 2คืน และก็คุ้มค่าล่ะ แสงระเบิด



ทริปนี้เมฆเยอะมาก เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อที่มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากเมืองจีนเพิ่งแผ่ปกคลุมเข้ามา อากาศเย็นปะทะกับแนวอากาศที่อุ่นกว่าท้องฟ้าเลยเลอะเมฆแบบที่เห็น






แสงทองยามเย็นหลุดลอดเมฆมาแอบดอยหนอก รีบคว้ากล้องมาเก็บภาพอีกครั้ง



บรรยากาศแคมป์สอง บริเวณองค์พระ กำลังสาละวนกันการหุงอาหาร ใกล้ๆ กันนี้เดินลงไหล่เขาไปหน่อยทางฝั่ง จ.พะเยา หรือทางหัตถ์ขวาขององค์พระจะมีศาลาที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นที่พักนอนได้ แต่ตอนนี้เต็มครับ นักท่องเที่ยวกลุ่มน้องๆ อีกกลุ่มที่เมื่อคืนปักหลักนอนบนยอดดอยหลวง วันนี้เขาย้ายมาปักหลักนอนในศาลาเหมือนกัน กลุ่มเราเลยมานอนหลังองค์พระเจ้าทันใจ อุ่นใจกว่าเพราะใกล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง อิอิ







เช้าวันที่สาม
วันสุดท้าย
ทริปดอยหลวง ดอยหนอกตะวันโผล่มาโน่นแล้วหลังดอยหลวงดอยหนอก ทะลุเมฆหมอกมาได้อึดใจเดียวก็ถูกกลืนหายไปอีก เราจัดการกับข้าวเช้าแล้วก็เก็บสัมภาระพร้อมเตรียมตัวลงกันล่ะ
พี่จนท.คนนี้ดูแลกลุ่มน้องๆ แวะมาทักทาย กลุ่มเค้าก็เตรียมตัวลงวัันนี้เช่นกัน พี่แกเอาสิ่งที่เห็นในมือมาฝากครับ กำลังเสือโคร่ง หรือพญาเสือโคร่ง หรือเปลือกของต้นซากุระเมืองไทยนั่นเอง พี่แกชื่อเท่มาก ชื่อพี่ประเทศไทย แกบรรยายสรรพคุณเสร็จสรรพ ให้เอากำลังเสือโคร่งนี้ไปดองเหล้าขาว ดองไว้สักสองสามวันแล้วจิบสักวันละเป็ก แกบอกรังรองกระชุ่มกระชวย เพิ่มกำลังวังชา เดินดงเดินดอยคล่อง







เอาแทร็กบันทึกปูมเดินทางจาก gps มาโรยลงบน Google Earth ครับ เส้นแดงๆ คือเทรลเดินของเราจากยอดดอยหลวงเดินตามสันดอยลงมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขึ้นไต่ฟ้าพิชิตดอยหนอก และจากองค์พระเดินเทรลต่อเนื่องลงยาวมาแล้วเลี้ยวขวาลงดอยไปตามซอกเขา





ฉายภาพอีกมุมหนึ่งครับ เส้นทางลงดอยฝั่งนี้เรียกว่าเส้นน้ำตกเกล็ดนาค หรือเรีกว่าเส้นขึ้นดอยทางฝั่งบ้านต๋อม ระยะทางเดินลง ถ้านับจากยอดดอยหนอกลงมาเลยก็ประมาณ 4.5 กิโลเมตร แต่ถ้านับจากตรงแคมป์องค์พระเจ้าทันใจก็ระยะทางประมาณ 4.2 กิโล







เริ่มเดินลงดอยแปดโมงกว่าๆ เอาล่ะครับได้เวลาอำลา หันหน้ามุ่งทิศเหนือ ยึดแนวสันดอยกันต่อไป


มองกลับหลังมาอีกครั้ง ตะวันยังคงอยู่ในม่านเมฆ พอๆ กับยอดดอยหลวงที่ถูกกลืนหายไปยังไม่โผล่มาไม่เห็นตั้งแต่เช้า กับภาพดอยหนอกสูงตระหง่านท้าสายตาอีกครั้ง ไปล่ะนะ






ผาจังฮัง
เดินมาได้สักระยะนึง จนท.ชี้ให้ดูหน้าผาสูงชันมากอีกยอด เรียกว่าผาจังฮัง เรียกตามชาวต่างชาติที่มาพิชิตไว้ ดูเหมือนจะชาวญี่ปุ่น ผานี้เห็นว่าอนาคตอาจจะส่งเสริมให้เป็นจุดโรยตัวไต่ผาสำหรับคอนักปีนผาทั้งหลาย



เทรลดิ่งลงเรื่อยถึงจุดต่ำสุดระหว่างสันดอยก็หักมุมเปลี่ยนทิศไปทางตะวันออก ผาจังฮังที่ตะกี๊อยู่ทิศตรงหน้าย้ายมาอยู่ซ้ายมือแทนจากนั้นก็ลงดะมาเรื่อยๆ เลยครับ เส้นทางซอกเขาฝั่งนี้เหมาะเป็นทางลง แต่มีคนสวนขึ้นมาเหมือนกัน แต่ขอบอก เลือกเส้นทางฝั่งปากบอก (ตามที่รีวิวไว้ในตอนที่ 1) ดีกว่า เพราะถ้าขึ้นฝั่งนี้มีแต่ล้ากับล้า วิวก็ไม่มีให้ชื่นชม









ผานางจูบ
ตลอดทางลงระหว่างซอกเขา มันเป็นแนวลำห้วยแม่ฟาด แต่จะสังเกตไม่ค่อยเห็นห้วยหรอก และจุดผ่านจุดหนึ่งที่ชื้นฉ่ำ คือบริเวณผานางจูบ จะมีสายน้ำไหลแผ่บางฤดูก็เต็มผา เอากระติกไปรองน้ำกินได้ หรือจะไปยืนยื่นหน้าจูบผาเพื่อกินน้ำจากหน้าผาผ่านปากโดยตรงก็ได้ กลายเป็นที่มาของชื่อผานางจูบ และถ้าชื้นมากๆ ก็ ทาก! บริเวณนี้หาทากเล่นได้ถ้าต้องการ



น้ำตกเกล็ดนาค
อีกหนึ่งไฮไลท์ของเส้นทางสายนี้
มาถึงตรงนี้แล้วเท่ากับเดินมาได้ 3กิโลเหลืออีกเพียงโลสามก็จะสุดทางเทรล ถึงทางถนนจุดนัดพบคนกับรถ เหนื่อยมากกับทางชัน ขาแทบสั่น เหงื่อโทรมกาย หมดแรงชมน้ำตก แต่ก็แข็งใจปลดเป้ คว้ากล้องเดินไปถ่ายน้ำตกอยู่ห่างๆ ครับ








ปิดท้ายด้วย infographic อีกภาพ แสดง elevator และระยะทางทั้งหมดจากจุด start ยันจุด stop ตลอดทริป ซึ่งระยะทางทั้งหมด รวมเดินขึ้นลงดอยหนอก อยู่ที่ประมาณ 15.6 กิโลเมตร ก็ตีไปว่าสิบหกโล จำง่่ายๆ









ลาไปด้วยภาพนี้ สุดเทรลเดินทริปพิชิตดอยหลวง ดอยนอก รถมารอรับพวกเราแล้ว






บรรทัดนี้ขอขอบคุณเหล่าผู้สนับสนุนหลักการ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย-พะเยา เบอร์ติดต่อ 053-744674-5

และผู้สนับสนุนการเดินทางทุกท่าน อาทิ
สายการบินนกแอร์ สนับสนุนเที่ยวบินไปกลับ กรุงเทพ-เชียงราย
Avis Thailand สนับสนุนรถยนต์เดินทางตลอดทริป
เอาร์ดอร์อินโนเวชั่น สนับสนุนชุดเดินป่า เสื้อกันหนาว กันลม เป้ และขาตั้งมินิ
Keen Thailand สนับสนุนรองเท้าเดินป่า keen newport H2

และท้ายสุดขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านครับ

สอบถามเพิ่มเติมได้อีกที่คือเพจผม https://www.facebook.com/Namfapakhao/

น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา

 วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 12.58 น.

ความคิดเห็น