ทีลอซู หนึ่งในน้ำตกสวยสุดของประเทศ หนึ่งในน้ำตกที่ควรค่าไปเห็นกับตาตัวเอง ลำพังตัวผมเองเคยเที่ยวมาแล้วสองครั้ง แต่เมื่อเพื่อนที่ยังไม่เคยไปร่ำร้องว่าต้นหนาวนี้อยากเที่ยวทีลอซู ไปด้วยกันหน่อยสิ ... มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ เพราะจะว่าไปก็คิดถึงอยู่พอดี
น้ำตกทีลอซู อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นอำเภอไกลปืนเที่ยงที่สุดของบ้านเรา ตัวอำเภออยู่ห่างจากตัวจังหวัดตากตั้งกว่า 250 กิโลเมตร หรือแค่นับจากแม่สอด ยังห่างตั้ง 170 กิโลเมตร ต้องฟันฝ่าถนนโค้งไปโค้งมาตั้ง 1,219 โค้ง ใครว่าแน่ๆ เสร็จโค้งอุ้มผางอ้วกแตกอ้วกแตนมาเยอะแล้วครับ (ฮา...)
เพราะแสนไกลขนาดนี้ หลายคนจึงคิดว่าการเที่ยวทีลอซูเที่ยวอุ้มผางเป็นเรื่องลำบาก แต่ความจริงแล้วกลับง่ายนิดเดียว แค่นั่งรถทัวร์จาก กทม. ไปต่อรถสองแถวที่แม่สอด สองต่อง่ายๆ แค่นี้ก็ถึงอุ้มผางแล้ว จากนั้นจะเที่ยวน้ำตกทีลอซูก็ติดต่อรีสอร์ตนำเที่ยวซึ่งมีอยู่มากมาย มีกิจกรรมล่องเรือยางแล้วต่อโฟร์วีลจนถึงที่ทำการฯ ทางเดินเข้าน้ำตก จะค้างแรมกางเต็นท์ก็ได้ หรือลงมานอนที่รีสอร์ตที่พาเราเที่ยวก็ตามใจ
นั่นแหละครับทริปของพวกเราหกชีวิตครั้งนี้ นั่งรถทัวร์ไปต่อสองแถว เที่ยวน้ำตกทีลอซู เที่ยวอุ้มผาง โดยใช้บริการของดอกเสี้ยวทัวร์ (ผมเคยมากับที่นี่แล้วสองครั้ง ทีลอซูหนึ่งครั้ง น้ำตกปิตุ๊โกรหนึ่งครั้ง) เป็นรีสอร์ตท้องถิ่นไว้ใจได้ครับ แพ็คเกจมีให้เลือกตามชอบตามอยาก หนึ่งคืน สองคืน ซึ่งครั้งนี้เราเลือกแบบสองคืน นอนบนแคมป์น้ำตกหนึ่งคืน และลงมานอนที่รีสอร์ตอีกคืน
อธิบายการเดินทางไปอุ้มผางสักนิด อันดับแรกต้องไปให้ถึงอำเภอแม่สอด
ซึ่งรถทัวร์ กทม.-แม่สอด มีหลายบริษัท แนะนำ
บขส. 999 โดยตรงนี่แหละ จองทางเว็บไซต์
www.transport.co.th แล้วจ่ายเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
7-11 พอถึงวันเดินทางก็นำใบเสร็จไปรับตั๋วรถก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง
หากจองตั๋วมาตรฐานรถเดียวกันไป-กลับ ไม่ว่าจะเป็น ป.1 หรือ วีไอพี จะได้ลด 10% (ลดเฉพาะราคาค่าโดยสาร ไม่รวมค่าธรรมเนียม)
เท่ากับว่าหากนั่ง ป.1 ไป-กลับ ค่าตั๋วเต็มเที่ยวละ
405 บาท ลดเหลือ 383 บาท เท่านั้นเอง
เที่ยวรถขาไปรอบค่ำมีถี่ยิบตั้งแต่ 19.00 จนถึง 22.40 น. ส่วนขากลับมีถี่เหมือนกัน แต่อ่านให้ดีๆ คือมาตรฐาน ป.1 เปิดจองทางอินเทอร์เน็ตเฉพาะเที่ยว 21.00 น. เท่านั้น ถ้าต้องการตั๋วรอบอื่นต้องวอล์คอินซื้อที่ บขส. แม่สอด วันต่อวัน เพราะฉะนั้นเพื่อความสะดวกสบายและประหยัด แนะนำขาไป ป.1 รอบ 21.00 และขากลับ ป.1 รอบ 21.00 แบบนี้คือเป๊ะสุดดีสุดแล้วครับ
ผมเป็นคนดูแลเรื่องตั๋วเดินทางให้เพื่อนๆ ถึงวันก็พบกันที่บ้านหลังที่สองของพวกเราคือสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ หมอชิต (ฮา...) รถออกสามทุ่มตรง ขึ้นรถได้ก่อนเวลาสัก 15-20 นาที สบายๆ
ถึงจะเป็นแค่รถมาตรฐาน ป.1 แต่เป็นรถรุ่นใหม่นั่งสบายพอสมควรเลย ที่นั่งแต่ละแถวกั้นจากกัน
นอนเอนหลังได้สุดโดยไม่ต้องเกรงใจเบาะหลัง ใช้เวลาเดินทาง 8
ชั่วโมง แวะพักกันข้าวที่สลกบาตร กำแพงเพชร หากใครไม่กินให้นำคูปองไปแลกน้ำอัดลมได้สองกระป๋อง
พวกเราถึง บขส.แม่สอด ตีห้ากว่าๆ ใครไม่เคยมาอาจตกใจเพราะคนเยอะพลุกพล่านมาก
เกือบทั้งหมดคือชาวพม่า เป็นเรื่องปกติของที่นี่ พอเช้าขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ทยอยเดินทางต่อจน
บขส. กลับมาโล่งเองแหละ
ขั้นตอนต่อไป รถสองแถว แม่สอด-อุ้มผาง คิวอยู่ที่ บขส. เริ่มวิ่งเที่ยวแรก 7.30 น.
หากคนเต็มจะออกก่อน เรามาถึง บขส. ตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ ก็รอเวลารถมาเข้าคิวขึ้นรถกันไป
มีร้านอาหารให้บริการไม่ต้องกลัวหิว แนะนำกินไว้ก่อนเลยดีกว่า
และอีกหนึ่งไอเท็มซึ่งกันไว้ดีกว่าแก้เพื่อจะได้ผ่าน
1,219 โค้ง แบบไม่ทรมาน... ยาแก้เมารถ ใครไม่ได้เตรียมไปมีขายที่ร้านค้าใน บขส.
ครับ
สองแถวสีน้ำเงินของเราคันนี้แหละ ค่ารถ 140 บาท ต่อคน ปลายทางตรงไหนในตัวอำเภออุ้มผางเขาไปส่งให้ได้หมด ขาไปใช้เวลาประมาณ
6 ชั่วโมง ชิลๆ ตามสไตล์สองแถวครับ
โค้งแล้วโค้งเล่าโค้งแล้วโค้งเล่านั่งยาวกันไป
รถเต็มพวกหนุ่มๆ ก็ขยับปีนไปนั่งบนหลังคา ดูหวาดเสียวแต่จริงๆ ไม่เท่าไหร่ เพราะโชเฟอร์ขับกันหวานเย็นไม่ได้เหยียบมิดไมล์สักหน่อย
ครึ่งทางที่บ้านอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ
จุดพักรถมีร้านของกินของขายไว้เต็มพลัง พักตรงนี้สัก 20 นาที
เอาล่ะในที่สุดเกือบเที่ยงครึ่งเราก็มาถึงจุดหมาย
ดอกเสี้ยวทัวร์ อำเภออุ้มผาง เป็นที่พักและนำเที่ยวอุ้มผางท้องถิ่นที่เปิดมายาวนาน
สืบทอดกิจการต่อกันมาครับ ตอนนี้เป็นรุ่นลูกเข้ามารับหน้าที่แทนรุ่นพ่อ
แพ็คเกจที่เราจองไว้มีผลทันทีเมื่อถึงรีสอร์ต
ถึงแล้วท้องร้องต้องกินข้าวกันก่อน เขาจัดอาหารรอรับไว้แล้ว ง่ายๆ กะเพราหมูสับ
ไข่เจียว น้ำซุป แต่อร่อยมาก ไม่รู้เพราะความหิวของเราหรือเปล่า (ฮา...)
เติมพลังพร้อมแล้วก็ได้เวลาลุยต่อ ขนเรือยางขึ้นรถตรงไปห้วยแม่กลอง
พวกเราหกคนกับนักท่องเที่ยวที่มาแจมด้วยกันอีกสองคน เรือสองลำ ฝีพายลำละสองคน
นี่ครั้งที่สี่ที่ผมมาลองเรือยางต้นน้ำแม่กลอง
แต่เป็นครั้งแรกที่มาตอนบ่ายครับ (ปกติจะมาเช้าเพื่อดูสายรุ้งน้ำตกทีลอจ่อ แล้วเข้าถึงน้ำตกทีลอซูตอนบ่ายต้นๆ)
ขอบอกว่าบรรยากาศช่วงบ่ายอย่างฟิน กลายเป็นว่าผมชอบมากกว่าล่องตอนเช้าเสียอีก
โอย... วิวที่นี่คือทำให้ร้องว้าวตลอดไม่ว่าจะมากี่ครั้งแล้ว
วันธรรมดาตอนบ่ายแก่ๆ ตรงหน่วยพิทักษ์ฯ
บ่อน้ำร้อน มีแค่พวกเรากรุ๊ปเดียว เวลามาล่องเรือจะแวะพักที่นี่ด้วย มีบ่อน้ำอุ่นให้แช่
เป็นน้ำอุณหภูมิเหมือนน้ำจากเครื่องทำน้ำอุ่นเลยครับ แช่ทั้งตัวสบายมาก
ช่วงที่พวกเราไปน้ำแม่กลองค่อนข้างใส แถมบริเวณแก่งตะโคะบิ๊ยังพอไหลแรงให้ได้เปียกชุ่มฉ่ำเฮฮากันสนุกสนานพอสมควรด้วย
อยู่บนเรือชมวิวเพลินๆ ผ่านไปสองชั่วโมงครึ่ง
เราก็มาถึงจุดขึ้นฝั่งที่หน่วยพิทักษ์ฯ ผาเลือด จากตรงนี้อีก 10 กิโลเมตร จะเปลี่ยนเป็นรถกระบะ 4x4 พาขึ้นไปยังแคมป์ทีลอซูกัน
ตอนนี้ถนนขึ้นน้ำตกบางส่วนอยู่ระหว่างการเทคอนกรีตปรับปรุงเพิ่ม
เสร็จแล้วสัก 80 เปอร์เซ็นต์ อนุญาตให้ขับรถกกระบะขึ้นเอง
แต่ยังงดพวกรถยนต์ รถตู้ และมอเตอร์ไซค์
ห้าโมงเศษๆ เรามาถึงจุดค้างแรมทางเข้าน้ำตกทีลอซูสักที
ลานกว้างขวาง ห้องน้ำห้องอาบน้ำอย่างดี วันธรรมดาคนนิดเดียว รวมพวกเราแล้วน่าจะมีมานอนเต็นท์ไม่ถึง
20 คน บรรยากาศเงียบสงบน่าพักผ่อนมากครับ
เพราะพื้นที่ว่างขนาดนี้เราเลยจองนอนในศาลา
ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เรียบร้อยครับ หากเป็นช่วงคนเยอะห้ามกางบนนี้นะ และจริงๆ
รีสอร์ตมีเต็นท์ให้นอนรวมอยู่ในแพ็คเกจ เป็นเต็นท์ K2 Fortress หลังใหญ่ แต่พวกเราสายเต็นท์อยู่แล้ว ดังนั้นขอเต็นท์คู่ใจของตัวเองเดี่ยวๆ
ของใครของมันดีกว่า
เป็นการแคมปิ้งที่ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย ทีมงานจัดการให้หมดอยู่แล้วทั้งอาหารทั้งน้ำ
ข้าวเย็นขอใช้คำว่าโคตรอลังการ (ฮา...) แถมอร่อยมาก น้ำพริกหมูสับคือสุดยอดสำหรับผมครับ
ล้อมวงเฮฮาปาร์ตี้กันไปตามเรื่องตามราว
เพิ่งรู้ว่าบนแคมป์ทีลอซูเป็นจุดดูดาวที่ดีงาม
ฟ้าเปิดดาวพราวระยับมาก เป็นครั้งแรกเหมือนกันของผมที่มานอนบนนี้ แนะนำมากๆ
โดยเฉพาะวันธรรมดา
เช้าวันใหม่ บรรยากาศช่วงนี้ดีงามอย่าบอกใคร
หมอกบางๆ ลอยขึ้นมาจากสระน้ำ นี่ถ้าสระใหญ่สักหน่อยอาจได้รับฉายาปางอุ๋งทีลอซูก็ได้นะ
(ฮา...)
อาหารเช้าของเราเป็นข้าวต้มร้อนๆ ผัดผัก ตามต่อด้วยชา
กาแฟ อีกนิดก็พร้อมลุยเดินเท้าเข้าน้ำตกทีลอซู
ทางจากลานกางเต็นท์ไปน้ำตก 1.5 กิโลเมตร เป็นคอนกรีตราบๆ ผสมขึ้นลงนิดหน่อย เดินสบายประหนึ่งเดินห้าง ลากอีแตะไปเลยไม่ต้องกลัวอะไร
ผมเริ่มเดินเจ็ดโมงครึ่งยังไม่ทันแปดโมงก็ถึงน้ำตกแล้วล่ะ
นี่แหละทีลอซู ไม่เคยเบื่อภาพนี้เลยไม่ว่าจะมากี่ครั้ง
ปกติผมเคยเข้ามาช่วงต้นบ่าย ครั้งนี้จึงพบว่าแสงเช้าที่ทีลอซูน่าชมกว่าเยอะเลย
ยิ่งช่วงฟ้าเปิดแดดจ้าอากาศดี ฟ้าเข้มปรี๊ด ภาพที่ได้มาถูกอกถูกใจอย่างแรง
ยิ่งเช้าวันธรรมดานักท่องเที่ยวน้อยมาก
กว่าคนจากข้างนอกกลุ่มแรกจะมาถึง พวกเราก็ชมน้ำตกอิ่มหนำถึงไหนต่อไหนแล้ว
ไต่ขึ้นไปตามชั้นน้ำตกเรื่อยๆ ถึงชั้นบนสุด
น้ำช่วงนี้อาจไม่เยอะอลังการมาก แต่ก็ใสแจ๋วและยังมีเหลือเฟือสวยชุ่มฉ่ำ
เดินกลับออกจากน้ำตกมาถึงข้างนอกสิบโมง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย เข้ามาสภาพพื้นที่เป็นยังไงออกไปก็ให้เป็นแบบนั้นนะครับ
ขากลับไม่มีการล่องเรือยางแล้ว นั่งรถยาว 10 กิโลเมตรไปผาเลือด และอีก 16 กิโลเมตรจากผาเลือดไปด่านตรวจทางเข้า อย่างที่บอกคือเส้นทางตอนนี้สมบูรณ์ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ยังมีฝุ่นคลุ้งบางช่วงทว่าน้อยกว่าเมื่อก่อนเยอะ
เที่ยงนิดๆ ทางดอกเสี้ยวทัวร์พาเรามาแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านริมถนนทางกลับเข้าตัวอำเภอ เห็นเป็นเพิงเล็กๆ แบบนี้แต่รสชาติอร่อยและให้เยอะมากครับ มีทั้งแบบต้มยำ น้ำตก น้ำใส ชามละ 40 บาท (ทางรีสอร์ตเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่าย) สอบถามได้ความว่าพามากินที่นี่เพื่ออุดหนุนชาวบ้าน เฉพาะทีมเราแม่ค้าก็ยิ้มแก้มฉีกแล้ว
เอาล่ะถึงตรงนี้ขออธิบายสักนิด (ทางทัวร์เขาฝากมา) ว่าหากเป็นคนที่แค่ต้องการเที่ยวทีลอซูก็สามารถจบทริปตรงนี้ จะพากลับไปรีสอร์ตเก็บสัมภาระแล้วรอรถสองแถวให้มารับ ทำให้การเที่ยวน้ำตกทีลอซู สองวันหนึ่งคืน ไม่จำเป็นต้องลางาน หยุดเสาร์อาทิตย์ก็เที่ยวได้ คือออกเดินทางคืนวันศุกร์ กลับถึงเมืองกรุงเช้ามืดวันจันทร์
แต่สำหรับพวกเราแก๊งค์ว่างง่านน่ะเหรอ... ทริปนี้สองคืนที่อุ้มผาง เพราะฉะนั้นเที่ยวต่อสิครับ
จุดแรกหลังลงจากทีลอซูซึ่งเราไปเที่ยวกันคือวัดหนองหลวง โดดเด่นด้วยพระอุโบสถไม้ทั้งหลัง อาจเพราะอุ้มผางไม่ได้มีวัดสวยงามใหญ่โตอะไรนัก มาถึงนี่เลยน่าแวะมาชมวัดหนองหลวงสักหน่อย
ใกล้ทางเข้าวัดหนองหลวงมีวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร
7 พลัง เป็นกลุ่มสินค้าโอท็อปเกี่ยวกับยาดองตำรับโบราณและสมุนไพร จะว่าไปก็คล้ายกับยาดองหรือเหล้าท้องถิ่นที่เพิ่มสรรพคุณทางสมุนไพรขึ้นมาเหมือนกันนะ
ของอร่อยสุดคือน้ำมัลเบอร์รี่ปั่น สดชื่นเย็นฉ่ำ
แล้วยังมีน้ำมัลเบอร์รี่ผสมยาดอง ลองชิมกันคนละหลายแก้วทีเดียว (ฮา...) แวะมาเที่ยวมาอุดหนุนกันได้ครับ
สำหรับผมที่เที่ยวที่ชอบสุดคือถ้ำตะโคะบิ๊
จัดตั้งเป็นวนอุทยาน เดี๋ยวนี้เปิดให้ชมข้างใน 200-300 เมตร (สิบปีก่อนผมเคยให้เจ้าหน้าที่นำเดินทะลุออกอีกฝั่งมาแล้ว) มีไกด์เด็กๆ
นำเที่ยว อธิบายโน่นนี่นั่น ในนี้ยังมีหลายจุดที่เกิดหินงอกหินย้อยเพิ่มขึ้นด้วยนะครับ
บ่ายแก่ๆ ไปนั่งเล่นที่วังปลาปุง ห้วยยะแมะ
ให้อาหารปลาเพลินๆ
ปิดท้ายวันนี้แวะร้านกาแฟอาโม-อาปา ร้านดังสุดของอุ้มผางแล้วล่ะมั้ง อาโม-อาปา
แปลว่าแม่กับพ่อในภาษากะเหรี่ยง ทางร้านมีขายก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่งด้วยครับ ส่วนเย็นๆ
เปิดเมนูจิ้มจุ่มหมูจุ่มมานั่งทานกันได้ ส่วนเราขอแค่เครื่องดื่มก่อนแล้วกัน (อันนี้ไม่รวมในแพ็คเกจ จ่ายแยกนะครับ)
การันตีเลยว่าเครื่องดื่มดีเลิศทุกเมนู
ราคาธรรมด๊าธรรมดา
พอได้เวลาสมควรก็กลับไปพักผ่อนที่รีสอร์ต
วันนี้นอนห้องพักสบายๆ ที่นี่เป็นห้องแบบมาตรฐานของอุ้มผาง หนึ่งหลังนอน 4-6 คน มีห้องน้ำในตัวแต่ละหลังพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น ที่ดอกเสี้ยวทัวร์มีห้องแบบพักเตียงเดี่ยวแค่
2 คน อยู่ด้วยหลังหนึ่ง
เย็นนี้ดินเนอร์ที่รีสอร์ต อาหารบ้านๆ
แต่อร่อยถูกปาก บอกเลยว่าเจริญอาหารมาก โดยเฉพาะน้ำพริกหนุ่ม ลาบคั่ว ดีงามสุดๆ หมดแล้วเติมได้เรื่อยๆ
นะครับ พวกเราให้พนักงานที่รีสอร์ตขี่รถไป 7-11 จัดเครื่องดื่มเย็นๆ
มาเพิ่มอีกสักหน่อย คืนนี้ฟินเลย (ฮา...)
วันสุดท้ายที่อุ้มผาง ตั้งนาฬิกาปลุกกันไปสิครับตั้งแต่ตีห้า ตื่นตอนไก่โห่เพราะมีนัดดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยหัวหมด เป็นแลนด์มาร์คทางธรรมชาติที่ห้ามพลาดอีกอย่างสำหรับการเที่ยวอุ้มผาง
รถออกตีห้าครึ่งนิดๆ พอหกโมงกว่าก็ถึงดอยหัวหมด จากจุดจอดรถเดินขึ้นเนินโผล่ตรงจุดชมวิวได้เลย ซึ่งวันนี้ต้องบอกว่าสวยงามตามสมควร ทะเลหมอกบางๆ กำลังละมุนละไม
มองไปไกลฝั่งตัวอำเภออุ้มผาง หมอกตรงนั้นหนานุ่มเชียวล่ะ
ใช้เทเลซูมสุดกระบอกส่องมาซะ
ถึงท้องฟ้าเช้าวันนี้จะไม่ได้สีสันจัดจ้านแต่ก็แจ่มแจ๋วไม่น้อย
ยิ่งพวกเราอยู่เป็นกลุ่มสุดท้ายจนได้เห็นแสงสวยๆ แล้วถือว่าเป็นเช้าที่ดีมาก
ลงจากดอยหัวหมดก็เป็นช็อตบังคับของทุกกรุ๊ปล่ะมั้งในการแวะบ้านครูซัน
ร้านของฝากซึ่งอยู่คู่เป็นศรีอุ้มผางและน้ำตกทีลอซูมายาวนาน มาทุกครั้งยิ่งทำมุมถ่ายรูปสวยเก๋เพิ่มขึ้น
ได้ของติดไม้ติดมือคนละนิดละหน่อย ช้อปปิ้งอุดหนุนช่วยผู้ประกอบการในท้องถิ่นกันไป
กลับมากินมื้อเช้าที่รีสอร์ตมีทั้งข้าวต้มกุ๊ย
ข้าวต้มเครื่องให้เลือกถูกใจผมเลย อาหารที่นี่เรียบง่ายแต่อร่อยทุกมื้อจริงๆ
พวกเราพักผ่อนตามอัธยาศัยจนตอนเที่ยงถึงค่อยเก็บข้าวของแล้วออกไปกินกลางวันกันที่ร้านอาโม-อาปา กินเสร็จก็พอดีกับที่นัดสองแถวให้มารับกลับเข้าแม่สอดพอดิบพอดี
รีสอร์ตบอกว่าขากลับไม่ต้องกังวลเรื่องตกรถ ไม่ว่าจะอยู่ไหนทำอะไรสองแถวพร้อมรอเราเสมอ หรือไม่ก็จะตามหาตัวเรารับขึ้นรถให้ได้จนถึงที่สุด ยิ่งพวกเรากลับกันตั้งหกคน คูณ 140 บาทไปสิ สองแถวไม่ปล่อยให้เราอยู่ต่อแน่นอน (ฮา...)
ใช้เวลาห้าชั่วโมงเร็วกว่าขามา ห้าโมงนิดๆ
เราก็กลับมาถึง บขส. แม่สอด มีเวลาเหลือเฟือสำหรับการขึ้นรถรอบสามทุ่ม ก็เตร็ดเตร่เรื่อยเปื่อย
เดินไปกินส้มตำร้านข้างสนามบิน กลับมานั่งรอที่ บขส. จนถึงเวลาขึ้นรถ
อย่างที่บอกครับถึงจะเหมือนไกลแสนไกล แต่การไปเที่ยวน้ำตกทีลอซู เที่ยวอุ้มผาง ไม่ยากเหมือนที่กังวล รถสาธารณะก็ไปได้ และถ้าจะว่ากันจริงๆ การนั่งสองแถวฝ่าฟันพันกว่าโค้งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเที่ยวที่นี่ด้วยซ้ำ
ครั้งที่ห้าของผมแล้วในการเที่ยวอุ้มผาง ครั้งที่สองกับการนั่งสองแถว ไม่ต้องสงสัยว่าอนาคตคงต้องมีรอบที่หกแน่นอน เพียงแต่จะเดินทางแบบไหนไว้ถึงเวลาค่อยว่ากันใหม่ เพราะลองถ้ารักจะมาเสียอย่าง ระยะทางไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
ติดต่อดอกเสี้ยวทัวร์
โทร. 0898605070
เฟซบุ๊กดอกเสี้ยวทัวร์ น้ำตกทีลอซู อำเภออุ้มผาง
www.facebook.com/dokseawresort
ราคาแพ็คเกจท่องเที่ยว
– ทีลอซู หนึ่งคืน นอนเต็นท์ทีลอซู อาหาร 4 มื้อ 2,000 บาท ต่อคน (5 คนขึ้นไป)
– ทีลอซู อุ้มผาง สองคืน นอนเต็นท์ทีลอซูหนึ่งคืน นอนรีสอร์ตหนึ่งคืน อาหาร 6 มื้อ 3,000 ต่อคน (5 คนขึ้นไป)
– ทีลอซู อุ้มผาง สองคืน นอนรีสอร์ตสองคืน อาหาร 6 มื้อ 2,500 ต่อคน (5 คนขึ้นไป)
– วันเดย์ทริป เรือยางกับรถรับส่งขึ้นทีลอซู เรือ 2,500 ต่อลำ รับน้ำหนักได้ 450 กิโลกรัม หรือประมาณ 6 คน รถโฟร์วีลขึ้นน้ำตก 1,700 ต่อคัน นั่งได้ 10 คน ราคานี้รวมค่าบริการเข้าน้ำตก 20 บาท ต่อคน
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
www.facebook.com/alifeatraveller
นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller
วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.07 น.