วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปล่ะครับ วันนี้เราจะไปชมตัวเมืองมัณฑะเลย์กันจากมุมสูง โดยถ้ามาในจังหวะดีๆ เราจะเห็นหมอกลอยตัวอยู่เหนือตัวเมืองอีกด้วย บอกได้เลยว่าสวยงามมากๆ แต่กว่าจะได้ชมวิวสวยๆ เราก้อต้องออกแรงกันหน่อยครับ ตามผมมาเลย
ก่อนอื่นถ้ายังจำกันได้ ในวันแรก ผมได้พาเพื่อนๆไปชมวิวกันที่ Mandalay Hill กันแล้ว ครับ ภูเขาสูงๆที่มีวัดอยู่บนภูเขา ครับ เดาไม่ผิดหรอก ที่บอกว่าต้องเหนื่อยกันคือ เราจะมาปีนเขาลูกนี้กัน
โดยเราตื่นกันตั้งแต่ตี3กว่าๆ ล้างหน้าแต่งตัวแล้วมาปีนเขากันแต่เช้ามืด โดยจุดหมายปลายทางของเราคือเจดีย์องค์ที่อยู่ตรงกลางเขา เอ่อ ค่อยยังชั่วเนอะที่ไม่ได้ขึ้นไปถึงยอก เดี๋ยว!!!!! มันต่างกันตรงไหนเนี่ย นั่นมันก้อจะยอดแล้ว เราเดินกันขึ้นไปในความมืดโดยใช้ไฟฉายนำทาง กว่าจะไปถึงยอดก้อมีหยุดพักเหนื่อยกันหลายทีล่ะครับ ซูมกันให้เห็นจุดหมายกันชัดๆอีกทีนึงละกัน
กว่าจะขึ้นมาถึงก้อหอบกันพอสมควร มองลงไปอ้าว ไหนล่ะหมอก อุตส่าห์เหนื่อยกันซะขนาดนี้ เพื่อนร่วมทริปที่เคยมาที่นี่แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโชว์รูปอย่างสวยให้ดู แต่ทำไมมันช่างไม่เหมือนวิวตรงหน้าเลย
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างเซ็งๆ จู่ๆสายลมก้อเป็นใจ หอบเอาหมอกก้อนใหญ่มาปกคลุมเมือง ในที่สุดเราก้อได้เห็นภาพเมืองมัณฑะเลย์ในสายหมอกสักที ภาพนี้เป็นวัดกุโสดอว์ (Kuthodaw) ในยามที่หมอกคลุมเมือง
จากนั้นก้อเป็นวัด Sanda Muni บริเวณรอบวัดยังมีสถูปสีขาวเรียงรายมากมาย เป็นวัดที่มีการจารึกพระไตรปิฎกไว้บนหินอ่อนถึง 729 แผ่น จำนวนร่วม 84000 พระธรรมขันธ์ และยังถือว่าเป็นที่เก็บยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย
หลังจากนั้น พระอาทิตย์ก้อเริ่มโผล่พ้นเหลี่ยมเขาออกมา แสงสีทองฉาบส่องไปทั่วสายหมอกและตัวเมือง
พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้น นึกว่าหมอกจะค่อยๆสลายไป แต่ที่ไหนได้ หมอกกลับยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นเป็นเหมือนกลุ่มเมฆล่องลอยเหนือสถูปเจดีย์ต่างๆ
ความรู้สึกในตอนนั้นไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลยครับ มันสวยงามเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์ ฟินมากๆ
หลังจากนั้น หมอกก้อปกคลุมทั่วเมืองแบบหนาจนมองอะไรไม่เห็น ถึงได้ละสายตาจากวิวเมืองมัณฑะเลย์ และเพิ่งสังเกตุเห็นบรรยากาศรอบๆตัวว่า สถาปัตยกรรมของที่นี่สวยมากๆเลย
หลังจากถ่ายรูปกับวัดจนสมควรแก่เวลาแล้ว เราก้อเดินลงจากเขากัน ตอนนี้แหละ ถึงเพิ่งเห็นทางเดินต่างๆที่เราเดินกันตอนเช้ามืดกันอย่างชัดๆ ทางค่อนข้างชันอยู่พอดูเลย
ระหว่างทางขึ้น จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่เป็นระยะๆ
ขาลงเหนื่อยน้อยกว่าขาขึ้น ค่อยยังชั่วหน่อย เพิ่งมาเห็นทางเข้าวัด ด้านข้างมีสิงห์(หรือเปล่า) ตัวเบ้อเร่งเฝ้าทางเข้าวัดอยู่สองตัว
ลงมาถึงด้านล่างก้อได้เห็นบรรยากาศแบบชาวบ้านๆของพม่ากัน สายหมอกที่เราเห็นจากบนยอก ก้อยังปกคลุมตัวเมืองไปทั่ว ดูแล้วเหมือนเวลาถูกหยุดอยู่ที่นี่ ไม่อยากขยับเขยื้อนไปไหนเลย แต่วันนี้เราต้องกลับเมืองไทยกันล่ะ
เราแวะร้านแถวๆนั้นกัน เพื่อหากาแฟ ปาท่องโก๋รองท้อง แล้วออกมารอรถกันที่ริมถนน พอดีกับสายตาที่เหลือบไปเห็นคุณป้าท่านนี้ทำขนมอะไรสักอย่างขาย เป็นเหมือนแป้งทอดในกะทะแล้วคลุกงา เลยลองเข้าไปซื้อแล้วขอคุณป้าถ่ายรูปสักหน่อย เป็นการจบทริปที่อร่อยดีจริงๆครับ
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds
Voravud Santiraveewan
วันพฤหัสที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.19 น.