เราออกเดินทางกันมาด้วยกันตั้งแต่โตเกียว ใครยังไม่ได้มาร่วมเดินทางตอนนี้ยังพอทัน

กระโดดเกาะรถมาด้วยกันได้เลยค่ะ

หนูเล็กจะพาเที่ยวในช่วง Japan Golden Week จะได้รู้กันว่า

การไปเที่ยวในช่วงที่ว่ากันว่า ควรเลี่ยงเป็นดีที่สุดเป็นอย่างไรมาเล่าประสบการณ์ตรงอีกเสียง

เผื่อว่ามีเพื่อนคนไหนเผลอจองตั๋วเพราะโปรถูกไปแบบหนูเล็กจะลองเอาไปวางแผนเดินทางดูบ้าง

ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)

https://th.readme.me/p/4476

ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)

https://th.readme.me/p/4489

ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)

https://th.readme.me/p/4514

ถ้าขึ้นรถตามกันมาทันแล้ว ไปกันต่อเลยดีกว่าค่ะ


เช้านี้พี่ใหญ่กับหนูเล็กรีบตื่นไปใช้บริการห้องอาบน้ำแต่เช้าเพราะเกรงเพื่อนร่วมที่พักจะมีใครเข้ามาใช้พร้อมเรา

การไปใช้แต่เช้าเราสามารถล็อคห้องเป็นห้องอาบน้ำส่วนตัวได้สบาย

จากนั้นเพื่อนร่วมทางอีกสองก็ไปจัดการกับตัวเองกันก่อนที่จะมาล้อมวงรับอาหารเช้าแบบเบาๆ รองท้องก่อนการออกเดินทาง

จริงๆ ที่พักแห่งนี้เขามีบริการจัดอาหารเช้าให้ แต่เช้าๆ แบบนี้ทานอะไรกันหนักๆ ไม่ไหว

อาหารเช้าเบาๆ ก่อนออกเดินทาง

คุณลุงเจ้าของที่พักและลูกชายที่เราเจอเมื่อวานมายืนรอส่ง Selfie กับคุณลุงเป็นที่ระลึกเรียบร้อย

คุณลูกชายก็แนะนำเส้นทางว่าต้องไปอย่างไรบ้างอธิบายอย่างดี

แนะนำด้วยว่าไปจอดรถตรงจุดที่ให้จอดฟรีก็เดินไม่ไกลหรอก ไม่ต้องไม่เสียเงิน น่ารักจริงๆ

หลังจากร่ำลากับคุณลุงเจ้าของที่พักเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินทางเสียที

เป้าหมายสำคัญของวันนี้คือ Jigokudani Yaen-Koen

หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Snow Monkey Park หรือที่เรียกกันง่ายๆ คือ ลิงหิมะ

จาก Yudanaka Seifuso ไปตามทางหลวงหมายเลข 342

ประมาณ 5 นาทีก็จะถึงจุดจอดรถ

แผนที่การเดินเท้าสู่ Snow Monkey Park

จอดรถเรียบร้อย กล้องพร้อม แรงพร้อม เริ่มออกเดินกันเลยค่ะ

จากลานจอด เริ่มออกเดินกันได้เลย

จุด Start ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร หรือประมาณ 30 นาที

Step แรก ยังดูดี

ทางปูนไม่มีแล้ว โปรดสังเกต

พี่ใหญ่เดินนำลิ่ว

เส้นทางเดินไม่ได้มีป้ายบอกมากมายนัก แต่ก็มีทางเดียวนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เดินตามๆ กันไป ไม่มีทางหลง

ยิ่งมาในหน้าร้อนแบบพวกเราด้วยแล้วยิ่งไม่น่าห่วง

แต่ถ้าเดินทางมาในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีหิมะตกหนัก

ก็ลองดูจากภาพที่หนูเล็กเอามาฝากแล้วจะเห็นเลยว่าการเดินเท้าเข้าไปค่อนข้างลำบาก

ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร

แต่ช่วงเวลานั้นถือเป็นช่วงแนะนำที่ควรมาเยือนมากกว่าเพราะเขาว่ามันฟินกว่ามาก

แต่เรามาได้ในช่วงนี้ก็ต้องยอมทำใจที่จะไม่ฟินอย่างที่เขาว่า

น่ารักๆ ริมทาง

อาจเป็นเพราะความตั้งใจจะมาเยือนของนักท่องเที่ยวมีกันสูง อีกทั้งอากาศยามเช้ากำลังสบายๆ

พวกเราพร้อมนักท่องเที่ยวอีกสามสี่คนที่ออกจากจุดสตาร์ทพร้อมๆ กัน ก็เดินถึงที่หมายในเวลาไล่ๆ กันโดยใช้เวลาไม่นานนัก

เห็นป้ายนี้ก็ใกล้ถึงล่ะ

เมื่อเข้าสู่บริเวณของ Snow Monkey Park จะมีสะพานให้เราเดินข้ามลำน้ำเล็กๆ และไต่บันไดขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

เพื่อขึ้นไปสู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและจุดจำหน่ายบัตรเข้าชม

ระหว่างที่กำลังจะเดินไปยังที่ขายตั๋ว

OMG !!! มีเจ้าของบ้านมาต้อนรับเราแล้ววววววว

เดินมาแบบไม่สนใจใคร

แล้วก็เดินนำทางไป ราวกับเป็นไกด์เลยทีเดียว

เมื่อเดินผ่านจุดนี้ไป จะมีทางให้เราเดินลงสู่ทางเดินธรรมชาติอีกครั้ง

จริงๆ แล้วหากไม่อยากเดินไกลแบบหนูเล็กสามารถมาจอดรถได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้ๆ กันนี้ เสียแต่ว่ามีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย

เมื่อเราเริ่มเข้าสู่บริเวณนี้ เราจะเริ่มพบเห็นเจ้าลิงหิมะพวกนี้เดินเพ่นพ่านกันเป็นระยะๆ

พวกมันคงถือว่าแถวนี้เป็นบ้านของมัน และเราเป็นเสมือนคนแปลกหน้าที่เข้ามาเยี่ยมเยือน

ลองดูพวกมันแต่ละตัวสิ

ระหว่างทางเดินสู่บ่อน้ำร้อน

ไม่สนใจพวกเราเอาจริงๆ

แม่ลูกคู่นี้ น่าร๊าาาาาากกกก

เพ่นพ่านกันเต็มไปหมด

สะพานสู่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ

เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

แม้ว่าในช่วงที่หนูเล็กมาเยือนอากาศจะไม่หนาวมากนักแล้วก็ตามแต่ก็ยังเต็มไปด้วยพวกมันเต็มไปหมด

ลิงพวกนี้เป็นลิงป่าที่ลงจากเขามาแช่น้ำร้อนเพื่อบรรเทาความหนาว อยู่ตามธรรมชาติ

มีการให้อาหารเป็นเวลาโดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์

เพราะที่นี้เป็นศูนย์อนุรักษ์ลิงญี่ปุ่นหรือเรียกว่า Nihon Saru นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปลิงอย่างไกล้ชิดได้

มีกฎแค่เพียงห้ามสัมผัสตัวลิงเนื่องจากจะเป็นการรบกวนสัตว์

ลิงทุกตัวไม่กลัวน้ำและมีทักษะในด้านการว่ายน้ำได้เป็นอย่างดี

ยืนยันด้วยภาพ

เล่นกันแบบไม่แคร์สายตาพวกเราที่เฝ้าดู

ดูมันสนุกกันจัง

สีหน้าเคลิบเคลิ้มกันจริงๆ

ลองไปดูอิริยาบทของพวกมันแบบเต็มๆ กันดีกว่า

จริงๆ แล้วลิงพวกนี้สามารถพบได้ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น เช่น Honshu, Kyushu และ Shikoku

แต่สถานที่ชมลิงหิมะญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงคือที่นี่ เพราะเป็นสถานที่ๆ จะได้เห็นลิงแช่บ่อน้ำร้อนได้อย่างไกล้ชิด

เนื่องจากเป็นลิงป่า ดังนั้น ลิงอาจลงมาแช่น้ำร้อนหรืออาจไม่ลงมาก็ได้

ที่นี่เขาจะมีกล้องติดตั้งไว้ที่บริเวณบ่อน้ำร้อนให้นักท่องเที่ยวสามารถดูถ่ายทอดสดภาพบ่อน้ำร้อนได้

เว็บไซต์ของ Jigokudani Yaen-Koen

http://www.jigokudani-yaenkoen.co.jp/livecam/monkey/index.htm

เราสามารถตรวจสอบว่ามีลิงลงมาที่บ่อหรือไม่ก่อนออกเดินทางไป

ภาพที่เห็นจะเป็นแบบนี้ ดูได้ตลอดทุกวันเลย ลองดูกันสิคะ รับรองชวนติดตามจริงๆ

หากเดินทางไปในช่วงฤดูหนาว จะมีโอกาสได้เห็นพวกมันลงมาแช่น้ำร้อนได้มากกว่าช่วงฤดูอื่นๆ

และเพราะหนูเล็กรู้มุมกล้องเพราะนั่งดูพวกมันทุกวันก่อนไป ก็เลยเลือกมุมมหาชนนั่งกันให้ครบทีม และสิ่งที่ได้คือ

สี่คนที่มุมซ้ายของภาพคือพวกเราเอง


เทคนิคที่จะได้ภาพแบบนี้ไม่ได้ยากอะไร ก็นั่งอยู่ตรงนั้นสักพัก จากนั้นก็เปิดเว็บโหลดช่วงเวลาที่เรานั่งกันอยู่ขึ้นมา

หมายเหตุ : ช่วงเวลานี้อาจใช้เวลาพอสมควรเพราะสัญญาณไวไฟจาก Pocket Wifi ที่เรามีอยู่ก็ยังแทบจะช่วยอะไรไม่ได้

เพราะเราเดินเข้ามาในป่าซึ่งเป็นพื้นที่อับสัญญาณ กว่าจะดาวน์โหลดภาพจากเว็บได้ ต้องอาศัยความอดทนสักนิด

แต่เพื่อเก็บภาพนี้ไว้เป็นที่ระลึก ไม่มีอะไรเกินความพยายามของหนูเล็กค่ะ

ตามเก็บภาพพวกมันไว้แบบสะใจเลย

เอกเขนกกันเต็มที่เลย

นี่ละ ฟิน ของแท้เลย

บริเวณโดยรอบ

พวกเราใช้เวลาที่นี่กันค่อนข้างนาน เพื่อให้สมกับที่อยากมาเจอบรรยากาศแบบธรรมชาติๆ อย่างนี้

กว่าที่พวกเราจะเริ่มออกเดินทางกลับออกมาก็เกือบใกล้เที่ยงแล้ว

หยุดดูวิวข้างทาง

มองไกลๆ จะเห็นภูเขาล้อมไว้

วิถีชาวบ้านญี่ปุ่น กำลังปลูกผัก

เริ่มออกเดินทางกันเสียที

ปลายทางของวันนี้อยู่ที่เมือง Chikuma ซึ่งได้จองที่พักไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระยะทางจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก

แต่ก็เช่นเคยสำหรับซำเหมาทัวร์ของพี่ใหญ่และหนูเล็ก

ประเภทตรงดิ่งไปยังปลายทางเลยไม่ค่อยมี จะต้องหาเรื่องแวะข้างทางเสียร่ำไป

พี่ใหญ่หาข้อมูลมาว่าระหว่างทางนั้นมีสวนสาธารณะแห่งหนึ่งชื่อ Garyu Park อยู่ที่เมือง Suzaka

ช่วงก่อนหน้านี้เขามีจัดงานซากุระเพิ่งจบไปไม่กี่วัน ก็เลยให้ลองแวะไปดู เผื่อว่าจะยังคงมีหลงเหลือให้เราได้เชยชมบ้าง

อะเคร ไปกันเลย ถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว

ระหว่างทางเจอจุดพักรถ แวะกันเสียหน่อย

ด้านข้างมีสวนแอปเปิ้ลขนาดใหญ่

ยังไม่มีผลค่ะ มีแต่ดอกเต็มต้นเลย

เจอแอปเปิ้ลของ Nagano จัดไปชิมกันเสียหน่อย

soft cream ก็มีขาย อุ๊ต๊ะ !!! มีรสโซบะด้วย

สิ่งที่ได้ติดมือออกมา KitKat รสแอปเปิ้ล และรสพริกป่น

สีสะดุดตาจนต้องเก็บภาพมาฝากค่ะ

มีเสบียงแล้ว เราไปกันลุยกันต่อเลย

บนเส้นทางยังมีซากุระให้เชยชม นี่ละข้อดีของการมาช่วงรอยต่อแบบนี้

ตามข้อมูลที่พี่ใหญ่อ่านมา Garyu Park จะมีซากุระปลูกอยู่ประมาณ 800 ต้น

ในช่วงเทศกาลซากุระบานที่นี่จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ

ในตอนกลางคืนเขามีเปิดไฟเพื่อให้ชมดอกซากุระใต้แสงไฟด้วย ซึ่งดูจากข้อมูลในเว็บไซต์แล้วก็น่าสนใจไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

ถึงแล้ว Garyu Park เข้าไปกันเลย

มีบึงน้ำขนาดใหญ่เลยทีเดียว

มีปลาเพียบเลย

แล้วสิ่งที่เราตามหาล่ะ ดอกซากุระอยู่ที่ไหน มองไปทางขวากันดูทีซิ

ภาพที่ได้ ไม่มีซากุระ มีแต่ต้นไม้เขียวชอุ่ม

ลองหันซ้ายดูบ้าง

มีอย่างหรอมแหรมไม่กี่ต้น

โลกความจริงกับโลกความฝันมักจะแตกต่างกันเสมอ ซากุระที่ว่ามีถึง 800 ต้นนั้น หากจะนับเป็นเปอร์เซนต์

คงต้องบอกว่าเหลือให้ดูต่างหน้าแค่เพียง 1 เปอร์เซนต์คงจะได้กระมัง มีแต่ใบไม้สีเขียวสดไปทั่วบริเวณ

เขายังมีทางเดินเท้าระยะทางสั้น ระยะทางไกลไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นด้วย

เวลาพวกเรามีน้อย เราก็ลองเลือกระยะทางใกล้ๆ เดินเล่นกัน

จุดสตาร์ทน่ารักๆ ทำนกจำลองเกาะไว้ด้วย

ทางเดินไต่ระดับขึ้นเขา

ดอกไม้เล็กๆ ริมทาง สีสันสวยดี

ภาพมุมสูงจากบนเขา

สักพักทางเดินก็ไต่ระดับลงมายังพื้นราบย้อนมายังทางที่เราเข้ามา

ตรงกลางน้ำที่มองเห็นสะพานสีแดงข้ามมานั้น

จะเป็นเหมือนเกาะให้สามารถเดินเล่นไปได้

มีศาลเจ้าเล็กๆ ด้วย

แม้ว่าซากุระจะมีเหลืออยู่น้อยต้นให้ได้เห็น แต่ต้นที่ยังมีดอกอยู่ก็เล่นเอาพวกเราแฮปปี้ดี๊ด๊ากันเหลือเกิน

จะว่าไปก็ได้อารมณ์ Hanami Festival กะเขาได้เหมือนกันเมื่อไปยืนใต้ต้นแบบนี้

สะพรั่งเสียขนาดนี้จะไม่ดี๊ด๊ายังไงไหว

close up กันหน่อย สุโค่ยจริงๆ

เห็นว่าสมควรแก่เวลาก็เดินทางต่อเพื่อเข้าสู่ที่พักในวันนี้กันเสียที

ก็อย่างที่หนูเล็กเล่าแต่ต้นแล้วว่า ที่พักคืนนี้อยู่ที่ Chikuma เมืองที่คงไม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยสนใจมาพักกันเท่าไรหรอก

ที่เราเลือกจองที่พักที่เมืองนี้ในคืนนี้

เพราะโปรแกรมสำหรับพรุ่งนี้เช้าเป็นโปรแกรมที่พวกเราทุกคนตั้งหน้ารอคอยการมาเยือนอย่างใจจดจ่อ

นั่นคือการไปเยือนหลังคาญี่ปุ่นหรือเป็นที่รู้จักกันดีว่า “Japan Alps"

การเดินทางจากเมืองนี้ก็ไม่ได้ใกล้กับจุดหมายของวันพรุ่งนี้นัก ก็แค่อยากนอนเมืองแปลกๆ กันดูบ้างก็เท่านั้นเอง

เดินทางสู่ที่พักกัน

พอเข้าเมืองก็เริ่มเจอรถราขวักไขว่แล้ว

โรงแรมสำหรับคืนนี้คือ Hotel Route Inn Court Koshuku มีอาหารเช้าและที่จอดรถฟรี

เห็นห้องพัก หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

ทางโรงแรมจัดห้องให้เราที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด มีความสะดวกสบายตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไป ออกจะเงียบๆ ดีเสียด้วย

ที่ประทับใจที่สุดน่าจะเป็นทิวทัศน์จากหน้าต่างห้องที่สามารถมองเห็นเมืองนี้ได้สุดตา

ชมวิวเทือกเขากันจนอิ่มเลย

วันนี้พวกเราพากันไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองรอเวลาหลังสองทุ่มเพื่อสิ่งเหล่านี้

การชอปปิ้งหลังสองทุ่มให้ได้ของต่างๆ เหล่านี้

หมายถึงความสามารถของพวกเราที่จะต้องหยิบให้ทันชาวญี่ปุ่นที่ก็รอคอยเวลาเดียวกันนี้เช่นกัน

เพราะมันลดกันครึ่งต่อครึ่ง ทั้งสด ทั้งอร่อยใครจะไปห้ามใจไหว

เล่นเอามื้อนี้อิ่มแปล้กันแบบไม่มีใครยอมใคร

ตบท้ายด้วยแอปเปิ้ล Nagano คนละผล

หลังจากท้องอิ่มก็รีบจัดการตัวเอง

เก็บเสื้อผ้าข้าวของแพ็ครอไว้ให้เรียบร้อยพร้อมเคลื่อนย้ายได้ทันทีในรุ่งเช้าพรุ่งนี้

พวกเรามีนัดหมายเคลื่อนพลกันในเวลาตีสี่ เพราะอะไรมันถึงต้องขนาดนี้กันเลย พรุ่งนี้จะได้รู้กัน

อย่าลืมมาเดินทางไปด้วยกันต่อ อย่าได้พลาดเชียวค่ะ
ไปเที่ยวกันต่อค่ะ

แวะทักทายพูดคุยและชมภาพถ่ายเรื่องเที่ยวของคนคอเดียวกันได้ค่ะ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/


Piyai&Noolek

 วันพฤหัสที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.25 น.

ความคิดเห็น