แปดริ้ว ฉะเชิงเทราจังหวัดใกล้กรุง ประตูสู่ภาคตะวันออก เมืองของอร่อย วัดวาสวยงาม ผู้คนน่ารัก แถมยังเที่ยวได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่มากนัก สุดสัปดาห์สั้นๆ ก็มาเปลี่ยนบรรยากาศกันได้ แถมมาแล้วมาได้อีกมากี่ที่ได้มีที่เที่ยวใหม่ๆ ให้สัมผัส
พอมีเวลาว่างๆ เสาร์-อาทิตย์ ก็จัดไปสิ สองวันหนึ่งคืนมาเที่ยว มาฟิน มากินให้พุงกาง บนเส้นทาง ตัวเมือง คลองเขื่อน บางคล้า อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสมาค้างคืนที่ฉะเชิงเทรา ทำให้ทริปนี้สนุกขึ้นอีกเยอะ
วันแรก : ก๋วยจั๊บ ตั๊กม้อ > วัดจีนประชาสโมสร > วัดอุภัยภาติการาม > ตลาดบ้านใหม่ร้อยปี > เดอะ บราวน์ เฮ้าส์ > วัดโสธรวราราม วรวิหาร > น้ำเต้าหู้ ขนมฝน
วันสอง : เดอะ บราวน์ เฮ้าส์ > Coco Cowboy > อุทยานพระพิฆเนศ > กรีนวิลล์ ฟาร์ม คาเฟ่ > ตลาดน้ำบางคล้า > วัดโพธิ์บางคล้า > วัดปากน้ำโจ้โล้
เที่ยวแปดริ้วให้สนุกแบบทั่วถึงก็ต้องมีรถส่วนตัว ใครไม่มีไม่ต้องกังวล ขอแนะนำ AVIS THAILAND รถเช่าชั้นเยี่ยม มีรถให้เลือกหลากหลายประเภทความต้องการในการใช้งาน ราคามาตรฐาน เชื่อถือได้ ประกันภัยพร้อม ก่อนส่งรถเจ้าหน้าที่ตรวจเช็ครถอย่างดี ผมใช้มาหลายทริปไม่เคยมีปัญหาทั้งเรื่องเครื่องยนต์และการบริการมาทำให้เสียอรรถรสการท่องเที่ยว จองรถได้ที่ www.avisthailand.com หรือ 022511131-2 ยิ่งหากจองผ่านเว็บไซต์ล่วงหน้าจะมีโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ อยู่ตลอด
ทริปนี้เราเดินทางจาก กทม. เลยเลือกรับและคืนรถที่สาขาสนามบินดอนเมือง บูธอยู่ตรงอาคารผู้โดยสารขาออกหาไม่ยากครับ ใช้รถ โตโย้า อัลติส ขับนิ่มวิ่งสบาย เครื่องแน่น เบรกเป๊ะ สบายใจหายห่วง
ออกจาก กทม. มาถึงเมืองแปดริ้วพลาดไม่ได้กับ ก๋วยจั๊บตั๊กม้อ ร้านก๋วยจั๊บและกระเพาะปลาระดับตำนานต้องมาเติมท้องกันสักหน่อย ร้านใหญ่ ที่นั่งเพียบ บริการสะดวกรวดเร็ว อร่อยทั้งก๋วยจั๊บ กระเพาะปลา ข้าวหมูกรอบ ขอบอกเลยว่าหมูกรอบที่นี่จัดว่าเด็ดสุด ราคาแต่ละเมนูก็ 50-60 บาท เทียบกับวัตถุดิบแล้วคุ้มค่าครับ ผมเองขอสอยทั้งก๋วยจั๊บและกระเพาะปลาอย่างละชามแล้วกัน
อยู่ที่ถนนเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทรา ต.บางพระ อ.เมือง
เปิดทุกวัน 6.00-16.00 น.
โทร. 0813710631
เฟซบุ๊ก ก๋วยจั๊บ ตั๊กม้อ หรือ www.facebook.com/takmor.8riew
เดินทางต่อไปย่านบ้านใหม่ แวะเที่ยว วัดจีนประชาสโมสร หรือ วัดเล่งฮกยี่ สักหน่อย ที่นี่มีความเกี่ยวเนื่องกับ วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) ที่เยาวราช และวัดมังกรบุปผาราม (เล่งฮัวยี่) ที่จันทบุรี โดยวัดเล่งเน่ยยี่เปรียบเหมือนหัวมังกร วัดเล่งฮกยี่แห่งนี้เหมือนลำตัวมังกร และวัดเล่งฮัวยี่คือหางมังกร ผมมาไหว้พระที่นี่คราวนี้ก็ถือว่าครบทั้ง หัว ตัว หาง เรียบร้อยแล้ว
อยู่ที่ถนนศุภกิจ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง ใกล้กับตลาดบ้านใหม่
ไม่ไกลกันมีอีกวัดน่าสนใจมากคือ วัดอุภัยภาติการาม เป็นวัดจีนอีกแห่งหนึ่ง แม้จะมีขนาดเล็กๆ แต่ก็เป็นจุดหมายสำคัญ เพราะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ซำปอกง หนึ่งในสามองค์ของเมืองไทยเรา โดยองค์ซำปอกงที่นี่สูง 12 เมตร จำลองแบบมาจากองค์ดั้งเดิมที่วัดพนัญเชิง อยุธยา (ถึงจะจำลองมาได้ไม่เหมือนสักเท่าไหร่ก็เถอะนะ... ฮา)
หลวงพ่อโตองค์นี้ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องสุขภาพและการรักษาโรคครับ เพราะบริเวณพระหัตถ์ซ้ายขององค์พระมีลูกกลมๆ อยู่ ชาวบ้านเชื่อกันว่านั่นคือเม็ดยา ดังนั้นหากเจ็บไข้ได้ป่วยก็มักมาไหว้พระขอพรกันที่นี่
เหมือนกับสามวัดมังกรของจีน คือผมมาที่นี่ก็เท่าว่าได้กราบไหว้องค์ซำปอกงทั้งสามองค์ วัดพนัญเชิง อยุธยา วัดกัลยาณมิตร กทม. และวัดแห่งนี้ครบเรียบร้อย
อยู่ที่ถนนศุภกิจ ต.หน้าเมือง อ.เมือง ใกล้กับตลาดบ้านใหม่
เที่ยววัดพอหอมปากหอมคอแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของทริปคือการกิน กิน และกินของอร่อย ตรงไปเลยที่ตลาดของกินเก่าแก่ยอดนิยม ตลอดบ้านใหม่ร้อยปี อยู่ใกล้ๆ นี่เอง
ที่นี่เป็นชุมชนชาวไทย-จีน เก่าแก่ ริมน้ำบางปะกง ซึ่งเคยซบเซาจากความเจริญทางถนน ก่อนหวนกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและตลาดของกินอร่อยๆ จนเรียกว่าถ้ามาฉะเชิงเทราช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พลาดไม่ได้เลยที่จะมาเดินเล่น
ต้องเตรียมท้องมาให้พร้อมจริงๆ ครับ ของอร่อยเยอะมากมาย เราก็เดินไปกินไปเพลินพุงเลยล่ะ แถมแม่ค้าพ่อค้าใจดีกันจริงๆ แถมโน่นแถมนี่ให้ตลอด รวมถึงมีคาเฟ่เก๋ๆ และร้านอาหารริมแม่น้ำ ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเรือนไม้เก่าแก่ สาธยายยังไงก็ไม่หมด ต้องไปเดินกันเอาเอง
อยู่ที่ถนนศุภกิจ ต.หน้าเมือง อ.เมือง
ตลาดของกินมีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลาประมาณ 8.00-16.00 น. ส่วนวันธรรมดามีร้านอาหารและคาเฟ่ประจำเปิดอยู่บ้างเล็กน้อย
เอาล่ะหลังจากอิ่มท้องแบบสุดๆ ที่ตลาดบ้านใหม่ ก็ขอแวะเข้าโรงแรมที่พักของเราดีกว่า ซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าตลาดนั่นแหละ ชื่อว่า เดอะ บราวน์ เฮ้าส์ น่าจะถือเป็นที่พักน่ารักยอดนิยม และดีงามที่สุดของฉะเชิงเทราในขณะนี้ก็ว่าได้ ราคาจองผ่านเว็บไซต์จองโรงแรมต่างๆ เริ่มต้นประมาณสองพันบาท เทียบกับมาตรฐานโรงแรมคือดีงามมาก
นอกจากที่พักแล้วยังมีคาเฟ่ด้วยนะครับอยู่ข้างๆ กัน เราก็มานั่งพักให้เย็นกายเย็นใจ ร้านสวย บรรยากาศชิลๆ เครื่องดื่มสดชื่น และราคาไม่แพง ถ้ามาเที่ยวตลาดบ้านใหม่เดินมาร้านนี้รับรองไม่ผิดหวังครับ
ตรงนี้เป็นส่วนของล็อบบี้โรงแรม เล็กกะทัดรัด แต่น่ารักมากมาย ลองอ่านรีวิวที่นี่จากเว็บไซต์ไหนก็ได้ การันตีได้ว่าคะแนนรีวิวสูงลิบทุกที่
ภายในโรงแรมตกแต่งน่ารักในทุกมุม ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สาวสายนางแบบชอบโลเกชั่นสวยๆ น่าจะถูกใจอย่างที่สุด
ในส่วนห้องพักของพวกเรา ดีลักซ์ ทวิน ห้องกว้าง สวย นอนสบาย ห้องน้ำดีมากๆ สิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง
อยู่ที่ถนนศุภกิจ ต.หน้าเมือง อ.เมือง ข้างตลาดบ้านใหม่ร้อยปี
คาเฟ่เปิดทุกวัน 8.00-17.00 น.
ติดต่อโรงแรม โทร. 0830114212
เฟซบุ๊ก The Brown House Chachoengsao Coffee Shop & Hotel หรือ www.facebook.com/thebrownhousechachoengsao
เอาล่ะพอเย็นย่ำพระอาทิตย์คล้อยต่ำ เราก็ออกตะลอนกันต่อ ต้องขอบคุณรถ AVIS คันนี้แหละที่พาเราเที่ยวแปดริ้วแบบสะดวกและทั่วถึงในทุกที่ที่อยากไป
พวกเรามาหาของกินยามเย็นกันที่ตลาดข้างวัดโสธรวราราม สัญลักษณ์และแลนด์มาร์คประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา แม้จะไม่ได้เข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อโสธรในครั้งนี้ (เพราะมาหลายครั้งแล้ว) แต่ก็ได้ประสบการณ์ใหม่นั่นคือการรรอชมและเก็บภาพแสงยามเย็น ได้เห็นบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากที่เคยมาเฉพาะตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆ
นี่ถ้าไม่ได้มานอนค้างที่ฉะเชิงเทราคงไม่ได้เห็นภาพสวยๆ แบบนี้นะเนี่ย
อยู่ที่ถนนเทพคุณากร ต.หน้าเมือง อ.เมือง
พระอุโบสถ วันธรรมดาเปิด 7.00-16.30 น. วันหยุดเปิด 7.00-17.00 น. พื้นที่รอบนอกเปิดถึง 19.00 น.
ก่อนกลับโรงแรมพักผ่อนวันนี้ ขับรถผ่านหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา เห็นแถวอะไรคนต่อกันยาวเหยียดก็เลยต้องแวะจอดรถสำรวจสักหน่อย นั่นเขากำลังต่อแถวเพื่อซื้อของกินเบาๆ ยามค่ำที่ร้าน น้ำเต้าหู้ ขนมฝน
ร้านเต้าหู้ ขนมฝน เป็นร้านรถเข็นแผงลอย ตั้งบนทางเท้าหน้าร้านซุ่นเฮงหลี 2 ตรงข้ามโรงพักเมืองฉะเชิงเทรา ขายน้ำเต้าหู้ เต้าฮวย บัวลอย และขนมเบเกอรี่ต่างๆ ที่ร้านทำเองมาตั้งแต่รุ่นอากงอาม่า รสชาติกลมกล่อมมากครับ แถมมีวิธีซื้อเก๋ๆ คือมาถึงแล้วก็หยิบบัตรคิวรอเรียกได้เลย ซื้อนั่งกินก็ได้ กลับบ้านก็ดี พวกเราเลือกนั่งทานที่ร้าน ปิดวันนี้ได้อย่างสวยงาม (ฮา...)
อยู่หน้าร้านซุ่นเฮงหลี 2 ตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา อ.เมือง
เปิดทุกวัน 18.00-22.30 น. ปิดตามร้านแจ้ง
โทร. 0864597894
เช้าวันใหม่เริ่มต้นที่ เดอะ บราวน์ เฮ้าส์ ทางโรงแรมมีเบรกฟาสต์แบบเป็นเช็ตอาหาร มีให้เลือกหลากหลายเลยล่ะ ทั้งข้าวต้ม อเมริกันเบรกฟาสต์ แซนด์วิช ไข่คน แต่ละเซ็ตนอกจากน่าทานมากๆ ยังจัดเต็มด้วยสลัด ผลไม้ ขนมปัง ใครไม่อิ่มก็ยังมีไลน์บุฟเฟ่ต์เล็กๆ น้อยๆ พวกผลไม้ ขนมปัง ขนมต่างๆให้ด้วยครับ
บอกเลยว่ามาพักที่นี่แล้วไม่อยากเช็คเอาต์ออกจากโรงแรมเลย กว่าจะออกมาได้ก็ต้องทำใจอยู่นาน (ฮา...)
จุดหมายแรกของวันที่สองนี้อยู่ที่อำเภอคลองเขื่อน-บางคล้า เริ่มต้นด้วยการแปลงร่างเป็นชาวสวนมะพร้าวน้ำหอมที่ Coco Cowboy
ที่นี่เป็นสวนมะพร้าวน้ำหอมซึ่งปลูกมานานหลายสิบปี ก่อนต่อยอดมาถึงรุ่นปัจจุบันที่ได้ทายาทบัณฑิตสาวจากรั้วจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยนำเอาไอเดียคนรุ่นใหม่มาต่อยอดพัฒนาสวน ซึ่งนอกจากจะพัฒนาเรื่องผลผลิต การตลาด ยังได้เปิดคาเฟ่รับนักท่องเที่ยว รวมถึงเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ มีกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับมะพร้าวให้เราสนุกกันด้วย แบ่งเป็นฐานเรียนรู้ต่างๆ ตั้งแต่วิธีการเก็บมะพร้าว เผามะพร้าว แปรรูป และอื่นๆ อีกเพียบ
นอกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับมะพร้าว ที่นี่ยังมีคาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม ขนมต่างๆ แนะนำเลยคือกาแฟมะพร้าวน้ำหอม รสชาติกลมกล่อมละมุนมากๆ รวมถึงไอศกรีมมะพร้าว วุ้นมะพร้าว โคโค่บอล อร่อยทุกอย่าง ราคาไม่แพงด้วยครับ
บอกนิดหน่อยว่าทางเข้า Coco Cowboy ค่อนข้างซับซ้อนสักหน่อย เพราะเป็นพื้นที่เกตรแทบทั้งตำบล แต่สามารถตั้งพิกัดจีพีเอสไปถึงแน่นอน และเข้าถึงสะดวกด้วยรถยนต์ส่วนตัวครับ เพราะฉะนั้นรถเช่า AVIS คันนี้ พาพวกเราไปเที่ยวได้สบายมาก
อยู่ที่ ต.บางตลาด อ.คลองเขื่อน
คาเฟ่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ 9.00-17.00 น.
กิจกรรมสามารถทำได้ทุกวัน โดยต้องติดต่อล่วงหน้า มีค่าใช้จ่ายตามเหมาะสม (สูงสุด 150 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับจำนวนคน)
โทร. 0992757425
เฟซบุ๊ก Cococowboy สวนมะพร้าวน้ำหอมแปดริ้ว หรือ www.facebook.com/cococowboy
เอาล่ะจากนั้นไปต่อกันที่ อุทยานพระพิฆเนศ ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระพิฆเนศองค์ใหญ่ ปางประทับยืน สูงถึง 39 เมตร แถมยังได้รับการออกแบบให้สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดฉะเชิงเทราด้วยพระหัตถ์ทั้ง 4 ถือผลไม้ กล้วย อ้อย ขนุน มะม่วง
ตอนแรกเราคิดว่าที่นี่คงเป็นแค่ที่ไหว้เทพไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา แต่พอไปถึงแล้วร้องโอ้โหเลยเพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งคนแปดริ้วเองและคนที่นับถือองค์พระพิฆเนศจากที่ต่างๆ ทั่วประเทศ แถมต้องบอกว่าเขาจัดพื้นที่ไว้ดีมากๆ เป็นอีกสถานที่ที่สายบุญน่ามาเยือนมากครับ
อยู่ที่ ต.บางตลาด อ.คลองเขื่อน
เปิดทุกวัน วันธรรมดา 9.00-17.00 น. วันหยุด 9.00-18.00 น.
เข้าตอนบ่ายท้องเริ่มหิว ไปที่นี่ดีกว่า กรีนวิลล์ ฟาร์ม คาเฟ่ เป็นทั้งที่เที่ยวเชิงเกษตร คาเฟ่ และร้านอาหารเก๋ๆ สไตล์บ้านฟาร์มที่น่ารักสุดใจ ร้านนี้ทางโรงแรมเดอะ บราวน์ เฮ้าส์ แนะนำให้พวกเรามา และไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
กรีนวิลล์ ฟาร์ม คาเฟ่ ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่ที่นำเอาความรู้และใบปริญญากลับมาอัพเกรดให้เกิดฟาร์มเกษตรยุคใหม่ขึ้นมา
โซนร้านอาหารและคาเฟ่น่ารักมาก เป็นกลาสเฮ้าส์บ้านสวนให้กลิ่นอายความโรแมนติก ที่สำคัญคือผลิตผลทุกอย่างในจานอาหารนำมาจากฟาร์มของตัวเอง หรือของเกษตรกรในพื้นที่สมกับนิยาม “Farm to Table” พร้อมรสชาติที่อร่อยมาก ทั้งสเต็ก สลัด และเครื่องดื่มต่างๆ
ใครที่ลูกๆ น้องๆ หนูๆ ไม่ชอบทานผัก อยากให้ลองน้ำผักปั่นแก้วเด็ดที่รสอร่อยและยังคงคุณค่าจากผักสด ทานง่าย อาจทำให้เด็กๆ เปลี่ยนใจมาชอบทานผักก็ได้นะ
ที่นี่ยังมีพื้นที่ฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเลือกตัดใส่ตะกร้ากันสดๆ ราคาต้นละ 20 บาท ได้รับการดูแลอย่างดี ปลอดสารพิษ รวมทั้งยังเดินเล่นถ่ายรูปมุมน่ารักๆ ได้เพลินๆ อีกต่างหาก
อยู่ที่ ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า
เปิด 10.00-19.00 น. ปิดวันอังคาร
โทร. 0618288880
เฟซบุ๊ก กรีนวิลล์ ผักสลัดเสิร์ฟจากฟาร์ม หรือ www.facebook.com/greenvillefarmcafe
จากนั้นเดินทางต่อไปยังโซนตัวอำเภอบางคล้า อำเภอของอร่อย ขอแวะสักหน่อยที่ ตลาดน้ำบางคล้า ที่นี่ไม่เหมือนตลาดบ้านใหม่นะครับ เพราะไม่ได้เป็นชุมชนเก่าแก่ แต่ว่าเป็นตลาดแบบเรือนแพต่อๆ กันริมแม่น้ำบางปะกง บนแพเต็มไปด้วยร้านขายของกินต่างๆ พร้อมกับพื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหาร
อะไรที่ว่าเด็ดว่าอร่อยแห่งฉะเชิงเทรา มีอยู่ที่ตลาดแห่งนี้ทั้งหมดนั่นแหละ เดินไปซื้อไปกินไป อิ่มแล้วอิ่มอีกจนไม่รู้จะพูดยังไงดี
ทางลงตลาดอยู่บริเวณสถานีตำรวจภูธรบางคล้า ต.บางคล้า อ.บางคล้า
เปิดวันเสาร์และอาทิตย์ 8.00-16.00 น.
ไม่ไกลจากตลาดน้ำบางคล้าเป็นที่ตั้งของ วัดโพธิ์บางคล้า เรามาที่นี่เพื่อชมฝูงค้างคาวแม่ไก่นับพันตัว ค้างคาวเหล่านี้จะห้อยหัวพักผ่อนตามต้นไม้น้อยใหญ่ในวัด เรื่องน่าแปลกคือพวกมันไม่เกาะตามต้นไม้ที่อยู่นอกเขตรั้ววัดเลย ผมสังเกตดูหลายต้นก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ต้นที่ตั้งอยู่ในเขตวัดแต่กิ่งก้านยื่นออกมาเกินนอกรั้ววัดจะยังมีค้างคาวเกาะ แต่หากเป็นต้นที่ต้นอยู่นอกวัดเลยนี่ไม่มีค้างคาวสักตัว
ในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย รวมถึงพระพุทธไสยาสเก่าแก่ ภายในวิหารหลังเก่า ที่คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นสมัยกรุงธนบุรี เข้าไปกราบไหว่กันได้ครับ
อยู่ที่ถนนระเบียบกิจอนุสรณ์ ต.บางคล้า อ.บางคล้า
ในที่สุดก็มาถึงจุดเที่ยวสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ นั่นคือการแวะชมพระอุโบสถสีทองอร่ามทั้งภายในและภายนอกที่ วัดปากน้ำโจ้โล้ ถือเป็นไฮไลท์การมาเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทราอีกแห่งในตอนนี้สำหรับผม เพราะวัดแห่งนี้สวยงามตลอดทุกช่วงเวลา ไม่ควรพลาดมาเที่ยวจริงๆ ครับ
อยู่ที่ถนนวนะภูติ ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า
หลังจากนั้นก็ขับรถ AVIS กลับไปคืนรถที่สนามบินดอนเมืองแบบสบายๆ ได้รถเช่า AVIS นี่แหละ ทำให้เที่ยวง่ายเที่ยวสบายและสนุกขึ้นเยอะ
จองรถ www.avisthailand.com หรือ 022511131-2 ยิ่งหากจองผ่านเว็บไซต์ล่วงหน้าจะมีโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ อยู่ตลอด เป็นบริษัทเช่ารถราคาดีงามที่สุดแล้วล่ะ
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
www.facebook.com/alifeatraveller
นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller
วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 23.24 น.