ตอนที่1 https://th.readme.me/p/1848

ตอนที่2 @ Bagan https://th.readme.me/p/1864

ตอนที่3 @ Inle https://th.readme.me/p/1871

ตอนที่4 @ Pyin Oo Lwin https://th.readme.me/p/1872

ตอนที่5 @ Mandalay-Mingun https://th.readme.me/p/1873

ตอนที่6 @ Bago-Kyaikh tiyo https://th.readme.me/p/1874


คุยกันในนี้ได้นะครับ https://www.facebook.com/NotesfromBackpacker/


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมืองพิลอูวินหรือเมืองเมย์เมียว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์ห่างเป็นระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร เป็นเมืองในภูเขาที่ดูสงบบนระดับความสูง ประมาณ 1,070 เมตร ในอดีตเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นให้เป็นสถานที่พักตากอากาศชั้นเลิศของเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ หลังพม่าปิดฉากระบอบกษัตริย์ที่เมืองมัณฑะเลย์ อังกฤษจึงได้ใช้เมืองนี้เป็นฐานบัญชาการรบ ปราบพวกกบฏ และพวกกลุ่มต่อต้าน โดยเหล่าทหารของอังกฤษนั่น ส่วนใหญ่มากจากทหารรับจ้างจากอินเดีย และเนปาล ต่อมาเมื่อครั้งอังกฤษได้คืนเอกราชให้กับพม่า พวกทหารเหล่านี้รู้สึกผูกพันกับเมืองพินอูลวิน และไม่อยากย้ายกลับไปไหน จึงได้แต่งงานอยู่กินกับสาวพม่าในพื้นที่ จนออกลูกหลานมาจนถึงปัจจุบัน สังเกตได้ผู้คนที่นี่หน้าละม้ายคล้ายแขกอินเดีย อย่างที่เขาเรียกว่า “ผิวพม่า นัยตาแขก"
สภาพอากาศที่เมือง พินอูลวิน มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อาคารบ้านเรือนภายในเมืองมีความโดดเด่นตามแบบเมืองอาณานิคมของอังกฤษ และระดับความสูงของที่ตั้ง ที่ช่วยทำให้เมืองมีสภาพอากาศเหมาะแก่การปลูกดอกไม้เมืองหนาวเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเมืองพินอูลวินได้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตดอกไม้เมืองหนาวที่สำคัญของประเทศ โดยดอกไม้และพืชพันธุ์ทางเศรษฐกิจที่มีการปลูกมากได้แก่ สตรอเบอร์รี่ , สับปะรด เบญจมาศ , แอสเตอร์ และแกล ดิโอลัส นอกจากนี้แล้วเมืองพินอูลวิน ยังเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมกาแฟของพม่าที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย


Day 7 : Mandalay - Pyin oo Lwin

03.30 น. ถึงขนส่งมัณฑะเลย์ หลับสนิทเลยจนเค้าต้องมาปลุก ตามแพลนวันนี้จะต้องต่อรถไป Pyin Oo Lwin (พินอูลวิน) ทีแรกคิดว่าจะต้องรอให้ขนส่งเปิดในช่วงเช้าก่อนเลยเดินไปนั่งในตึกของบริษัทรถบัสที่ผมมา ระหว่างนี้คันปากเลยไปถามพนง.เรื่องรอบรถที่จะไปพิลอูลวิน ถามปุ๊บยิ้มกว้างเลยเพราะว่า
เค้าบอกให้เอากระเป๋าไปที่รถอีกคันที่จอดข้างๆกันเลยเพราะคันนี้จะผ่านพิลอูวินจะออกภายใน 10 นาทีนี้ ดีเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งรอ

ขนส่งมัณฑะเลย์


คันนี้เลยครับเป็นรถที่วิ่งมาจากที่อื่นแล้วแวะมาส่งคนลงที่ขนส่งมันฑะเลย์ ค่ารถ 4,000 จั๊ต(110 บาท)


ภายในรถเป็นแบบแถวละ 4 ที่นั่งแต่อารมณ์ตอนนี้นอนกับพื้นก็หลับสบายครับ


06.00 น. ถึงขนส่งที่พิลอูลวินใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง รู้สึกว่าจะไวกว่าที่หาข้อมูลมา(ขึ้นTaxi 2 ชม. , Bus 3 ชม.) ลงมาปุ๊ปหนาวมากอุณหภูมิ 16 องศา เท้าแตะพื้นปุ๊ปโดนประกบจากคนขี่มอไซค์ทันที เลยตกลงราคาเพื่อจะไปลงที่แถวๆหอนาฬิกาที่ราคา 2,000 จั๊ต เป็นรถมอไซค์วิ่งฝ่าหมอกและอากาศหนาวๆตลอดทางจนหน้าชาไม่หมด


ขนส่งพินอูวิล


6.30 น. check in ที่ Grace ll Hotel เป็นห้องเดี่ยวซึ่งว่างเฉพาะห้องแบบ Twin bedroom ราคาคืนละ 20 usd พร้อมอาหารเช้า ราคาแพงกว่าข้อมูลที่หามา คือ 10 usd เค้าบอกว่าวันนี้เป็นวันเทศกาลบอลลูนอะไรสักอย่าง แหม่ะ...ช่างพอดีอะไรอย่างนี้จ่ายแพงเท่าตัวแต่ไม่เป็นไรถือว่าโชคดีที่ได้มาเจอเทศกาลคืนนี้จะได้มีที่ไป

หน้าที่พักห่างจากหอนาฬิกาไม่ถึง100เมตร


ห้องพัก


ระหว่างนี้สอบถามราคาเที่ยวที่ต่างๆกับพนง ได้ข้อมูลตามนี้

-ค่าเดินทางเที่ยวในพินอูลวิน

ค่าเช่ารถมอไซค์จากที่พักวันละ 8,000 จั๊ต เป็นรถแบบ 4 เกียร์

ค่าเช่าจักรยานวันละ 2,000 จั๊ต


-ค่ารถจากพินอูลวินไปมัณฑะเลย์

Taxi ค่ารถแชร์กันไปตกคนละ 6 usd

Bus ไม่มีรถบัสจากเมืองนี้ไปมัณฑะเลย์ ???? งงเลย เพราะกะว่าจะกลับรถบัสไปซะหน่อย

สองแถว เป็นรถสองแถวเล็กวิ่ง 3 ชม.ไปมัณฑะเลย์ค่ารถแค่ 1,500 เดินจากที่พักไปทางขวามือ 1 km จะมีจุดจอดอยู่


เดินมาทางซ้ายมือมากินกาแฟร้อน Pinsi มีไวไฟฟรีด้วยแต่เนื่องจากคนกินเย่อะเลยมีการใช้ไวไฟฟรีเย่อะเช่นกัน ความเร็วเยี่ยงทากเลยมื้อนี้สั่งกาแฟร้อน,ซาโมซ่า(2ชิ้น),นานกับถั่วผัด ค่าเสียหาย 1,050 จั๊ต (30 บาท) นานกับถั่วไม่อร่อยเลยสั่งผิดทีแรกจะเอาโรตีคิดว่าเหมือนกัน

แป้งนานแข็งๆจืดๆไม่ค่อยชอบแต่ซาโมซ่าอร่อยดี


เอาเมนูมาเผื่อครับ



หลังจากนั้นก็กลับไปนอนเอาแรงต่อที่ที่พักวันนี้ยังไม่ได้อยากเที่ยวอะไรมาก ตามโปรแกรมเดิมคือไม่มีอะไรเลยนอกจากเดินเล่นดูเมืองไปเรื่อยๆโปรแกรมใหม่ก็คล้ายๆกันเพิ่มเติมแต่ตอนกลางคืนไปงานเทศกาลบอลลูน หลังจากนอนไปงีบนึงแล้วก็ออกมาเดินตากแดดรับอากาศอุ่นๆดูวิวบรรยากาศของเมืองนี้ไปเรื่อยๆ

เมืองแห่งรถม้าจริงๆ น่านั่งด้วยแต่งซะสวยเชียว


วัดฮินดู


ยืนยันด้วยภาพว่าคนพม่าน่ารัก คิขุเชียว555


เดินมาทางไปตลาดสดเจอวัดพุทธแถวนี้



ติดๆกับวัดพุทธก็เป็นทางเข้าไปในตลาดซึ่งก็เหมือนบรรยากาศตลาดสดที่เจอๆมา

ผมย๊าวยาวววว


ขอลุงเจ้าของร้านถ่ายรูปสักรูป แกพยายามยิ้มให้อยู่^^


เรียงใบพลูสวยงามเชียว

มะพร้าวสดที่นี่เอาใบมะพร้าวมาถักดูมีราคาทันที

ลุงคนนี้มาทักพอรู้ว่าเป็นคนไทยคุยภาษาไทยใส่เลย


ที่นี่ไม่มีแผงขายล็อตเตอรี่เจอแต่แบบเดลิเวอรี่

นี่ก็รถขายล็อตเตอรี่

แล้วก็เดินออกมาแถวๆหอนาฬิกาเพอร์เซล

Purcell Tower หอนาฬิกาเพอร์เซลล์ทาวเวอร์หอนาฬิกาแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2477 โดยบริษัทจอห์นสันและ Gillete จำกัด ของอังกฤษเพื่อเฉลิมฉลองซิลเวอร์จูบิลีในรัชสมัยของกษัตริย์จอร์จ แห่งสหราชอาณาจักร จากรูปเดินไปทางขวาไปที่พัก


มัสยิดกลางเมือง

เดินย้อนไปดูจุดจอดรถสองแถวเล็กที่จะไปมัณฑะเลย์ รถที่นี่จะออกเที่ยวแรก 7 โมงเช้าและออกทุกๆชั่วโมงค่ารถ 1,500 จั๊ต

แวะกินข้าวเที่ยงเป็นร้านชาวบ้านๆข้างทางใต้ต้นไม้ มื้อนี้อาหารอย่างละ 600 จั๊ตถูกสุดละตั้งแต่มาที่นี่เลยสั่งไป 2 อย่าง




ระหว่างนี้ก็เดินไปถามราคารถม้าเพื่อจะได้ให้พาทัวร์พรุ่งนี้หลักๆที่อยากไปคือ สวนพฤกษศาสตร์กันดอว์จี , น้ำตกปเวก๊อก แค่นี้เองแต่ทั้ง 2 ที่นี่ก็อยู่กันคนละทิศเลยตามข้อมูลที่หามาถ้าให้รถม้าพาทัวร์เค้าจะคิด 10 usd หรือประมาณ 13,000 จั๊ต แต่พอไปสอบถามมาราคา 20,000-25,000 กันทั้งนั้น ไปเจออยู่คันนึงต่อมาได้ 15,000 จั๊ตแต่ยังไม่ได้ตอบตกลงแกบอกว่าถ้าตกลงว่าจะจ้างแกก็มาที่ตรงนี้เหมือนเดิมเพราะที่ประจำอยู่ตรงนี้เลยเดินออกไปเรื่อยๆเจอมอไซค์เลยถามราคาไปทั้ง 2 ที่ราคาได้มาคร่าวๆคือ ถ้าไปสวนพฤกษศาสตร์เฉพาะขาไป 1,500 จั๊ต , ไปน้ำตกปเวก็อกไป-กลับ 5,000 จั๊ต ไม่นั่งละรถม้า 555

16.30 น. เดินไปหารถมอไซค์เพื่อไปงานบอลลูนคืนนี้เห็นเค้าบอกว่ากิจกรรมต่างๆจะเริ่ม 17.00 น. เดินไปจนถึงร้านกาแฟ Pinsi เห็นมีมอไซครับจ้างจอดอยู่เลยนั่งไปที่จัดงานราคา 1,500 จั๊ต รถไปส่งที่ทางเข้าแถวเจดีย์มหาอันธุกานดา(ถามชื่อจากชาวบ้านเอา) ตอนจ่ายเงินกับลุงมอไซค์รับจ้างเลยถามราคารถไปเที่ยวพรุ่งนี้อีก2ที่แกให้ราคามาถูกกว่าที่ไปไล่ๆถามก่อนหน้านี้คือราคาไปสวนพฤกษศาสตร์คิด 1,500(เฉพาะขาไป) และไปน้ำตกปเวก๊อกคิดไป-กลับ 3,000 จั๊ต จริงๆแล้วทางไปน้ำตกก็อยู่ทางเดียวกับที่มางานวันนี้ห่างกันไม่กี่โลแกเลยคิดราคาเท่ากับที่มาวันนี้คือขาละ 1,500 จั๊ต แต่วันนี้ผมมาแค่ขามาส่วนขากลับจะหารถกลับไปเองจะได้ไม่ต้องมารอกัน
เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปเจดีย์ ระหว่างทางผ่านทางเข้างานคนพม่ามาเที่ยวกันเยอ่ะมาก ตื่นเต้นๆๆ

ทางเข้าหน้างานที่รถมาจอดส่ง


เจดีย์มหาอันธุกานดา


ทางเข้า-ออก


เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่คนไทยเรียกท่านว่า “พระทันใจ" อีกรูปหนึ่งของพม่าประวัติของพระองค์นี้ไม่ธรรมดา ว่ากันว่าบริษัทจากจีนจ้างให้ชาวพม่าแกะสลักพระจากหยกขาวเพื่อที่จะนำไปไว้ที่เมืองจีนแต่รถที่ขนส่งพระเกิดอุบัติเหตุตกเขาระหว่างทางในบริเวณดังกล่าวคนงานพยายามจะยกพระกลับขึ้นรถทั้งใช้คนใช้เครนก็ยกไม่ขึ้นสุดท้ายจึงต้องสร้างวัดบริเวณนี้เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาวองค์นี้ พร้อมกับตั้งชื่อว่า “มหาอันธุกานดา" ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ ที่ให้ความร่ำรวย โชคดีแก่ผู้กราบไหว้"



พอกราบไหว้เสร็จแล้วก็เดินลงมาที่งานต่อ

เอ๊ะ....ส่องอะไร เมียงูหรือป่าว ??


ผมเลยส่องบ้าง เวทีมวยนี่เอง


ถ้าจะเข้าต้องเสียตังค์ 3,000 จั๊ต


บรรยากาศเหมือนงานวัดบ้านเราเลย


ยืนดูชิงช้าสักพักมันหยุดหมุนซะง้าน เค้าเลยปีนขึ้นไปถ่วงน้ำหนักให้มันเริ่มหมุนกายกรรมโชว์ชัดๆๆ


มุงดูโคโยตี้เต้นโชว์เป็นรอบๆ


เด็กๆจากโรงเรียนต่างๆเตรียมตัวแสดง


เด็กๆจากโรงเรียนต่างๆเตรียมตัวแสดง


เดินหาอะไรร้อนๆกิน


รถขายหมาก เห็นแล้วอยากลองเคี้ยวทันที


เด็กๆเกาะรั้วรอดูงานแสดงด้านใน


รถม้าเข้าร่วมการแสดง


จุดพลุน่าจะเลยร้อยลูกอยู่ คนร้องเฮลั่นบรรยากาศตื่นเต้นตลอดงาน


อยู่ได้ถึงทุ่มครึ่งพลุหมดแล้วก็เดินออกมาอีกอย่างทนอากาศเย็นไม่ไหวเพราะช่วงบ่ายแดดจัดๆก็เลยใส่เสื้อแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นมาที่นี่ด้วยแต่พอดึกๆหนาวมากแทบไม่เจอคนใส่กางเกงขาสั้นเลย ขาออกมานี่คนเย่อะจนต้องเบียดๆไหลๆกันออกมา


ขนมต่างๆระหว่างทางออก



พอมาถึงทางออกหารถมอไซค์กลับไปที่พักเจอราคาโหดเลยเปิดมา 4,000 จั๊ต ต่อได้เหลือ 3,000 จั๊ต แพงกว่าขามาเท่าตัวขี้เกียจเดินหาต่อราคาคันอื่นเพราะหนาวมากเลยเอาคันนี้เลยให้ไปจอดที่ที่พักแล้วเดินหาข้าวร้านข้างๆที่พักกิน


ร้านอยู่ถัดจากที่พักไปห้องที่ 3 (ถ้าหันหน้าเข้าตึกถัดไปด้านขวาห้องที่ 3) กับข้าวอย่างละ 2,000 จั๊ต สั่งไปอย่างเดียวนะครับที่เหลือคือเครื่องเคียงฟรี ร้านนี้ผักสดเย่อะดีอาหารอร่อย


21.00 น. เข้าที่พัก อาบน้ำนอนเตรียมลุยต่อพรุ่งนี้


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Day 8 : Pyin Oo Lwin

ตื่นมาให้ทันอาหารเช้าก่อนหมดเวลา 9.00 น. อาหารเช้าของที่นี่ให้กาแฟร้อน 1แก้ว , โมฮิงก่า 1 ที่

กินเสร็จแล้วขึ้นไปอาบน้ำแล้วต้องออกไปหาที่พักใหม่เผื่อได้ราคาถูกกว่านี้เดินเลยไปทางซ้ายของที่พักไปเรื่อยๆน่าจะโลกว่าๆได้จนไปได้ที่ Queen Hotel ที่ราคา 10 usd แต่ไม่มีอาหารเช้า


หน้าที่พัก


ล็อบบี้


ภายในห้องพัก



หลังจากนั้นก็เดินออกไปหาลุงมอไซค์รับจ้างเมื่อวานต่อ โปรแกรมวันนี้จะได้ต้องน้ำตกปเวก๊อกกับสวนพฤกษศาสตร์กันดอว์จีแค่ 2 ที่

11.40 น. ถึงน้ำตกปเวก๊อกสำหรับที่นี่ค่าเข้าของชาวต่างชาติอยู่ที่ 500 จั๊ต(13บาท) ที่นี่กะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ส่วนลุงคนขับแกจะรอรับกลับไปเลย พอดีอยากรู้จักชื่อแกจะได้เรียกถูกแต่พอบอกชื่อมาแล้วพูดยังไงก็ยาก แกให้เรียกแกว่า ลุงโรเบิร์ต จะได้เรียกง่ายกว่าชื่อพม่าของแก

ร้านอาหารรอบๆหลายร้าน


ร้านขายของฝากรอบๆ


อื้อหืออออ บาดตา


12.10 น. เดินทางกลับให้ลุงโรเบิร์ตไปส่งที่ที่พักพร้อมจ่ายเงินไปก่อน 3,000 จั๊ต แล้วนัดให้แกมารับอีกทีตอนบ่ายโมงครึ่ง



กินร้านเดิมที่กินเมื่อคืนสั่งแกงหมูมากินอย่างเดียวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเครื่องเคียง ^^


13.20 น. ลุงโรเบิร์ตมารับไปสวนพฤกษศาสตร์กันต่อเดินทางเกือบครึ่งชม.ก็ถึง ระหว่างทางแถวนี่เจอบ้านสวยๆหลายหลังเลยอากาศก็เย็นสบายต้นไม้ครึ้มๆสำหรับที่นี่จ่ายค่าเข้าสำหรับต่างชาติคนละ 5 usd


ลุงโรเบิร์ตครับหน้าตาทีแรกดูดุๆแต่จริงๆใจดี ใครไปที่นี่อยากใช้บริการก็ให้ไปหาแกได้ รถจะจอดที่หน้าร้าน Pinsi ประจำถ้าไปเจอแกแล้วเรียกแกว่าโรเบิร์ตถ้าแกงงๆไม่ต้องแปลกใจนะครับเพราะตอนที่แกบอกให้ผมเรียกแกชื่อนี้แกยังยิ้มอายๆเลยสงสัยเพิ่งตั้งสดๆ


ทางเช้าสวนพฤกษศาสตร์กันดอว์จี


หน้าประตูทางเข้ามีทั้งร้านอาหาร,ร้านขายของฝากและรถเข็นขายของกินเย่อะมาก


เวลาเปิด-ปิด


เดินเข้ามาก็เจอจุดขายตั๋วเลย


ราคาตั๋วเข้าชม


สำหรับชาวต่างชาติ(ผู้ใหญ่) 5 usd


16.10 น. เดินออกมาประตูเดิมเห็นฝั่งตรงข้ามเหมือนที่ท่องเที่ยวเลยเข้าไปสอบถามดู ที่นี่คือ National Landmarks Garden เป็นที่เที่ยวที่จำลองสถานที่เที่ยวสำคัญๆของพม่ามาไว้ที่นี่ประมาณเมืองจำลองบ้านเราค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ 4 usd แต่ตอนนี้เริ่มเย็นแล้วคงเที่ยวไม่สะใจเลยขอมาเก็บข้อมุลไว้ก่อนเอาไว้ครั้งหน้า เสร็จแล้วเดินข้ามถนนไปที่เดิมเพื่อขึ้นมอไซค์ที่ป้อมเล็กๆข้างๆทางเข้า ค่ารถกลับที่พัก 1,500 จั๊ต


พอดีรถขี่ผ่านตลาดเลยขอลงเดินเล่นไปเจอร้านนี้เข้าชื่อร้าน December Fresh milk food & Bakery เลยไปนั่งพักหาอะไรสดชื่นๆมาลองกิน


เมนู Bluberry Yogert icecream แก้วละ 1,800 จั๊ต อร่อยดี หอมโยเกิร์ต ร้านนี้ทำโยเกิร์ตเองสดๆ




หลังจากกลับที่พักไปสักพักก็ออกไปเดินเล่นเจอร้านนี้เลยแวะสั่งเมนูนี้มาเค้าเรียกว่า Shan noodle soup ราคา 1,000 จั๊ต (28 บาท) รู้สึกไม่อิ่มเลยเดินไปหาอะไรกินต่อ ^^



เดินมาแวะกินกาแฟร้าน Seven79Nine จัดหนักเลยสั่งกาแฟร้อน,โรตีกล้วย,ซาโมซ่า 2 ชิ้น มื้อนี้ 1,100 จั๊ต ถูกมากกกคิดเป็นเงินไทยไม่ถึง 40 บาท ตอนเรียกเก็บเงินลองทำเสียงม๊วฟๆ เหมือนโต๊ะข้างแต่เสียงไม่ดังเค้าไม่ได้ยิน มันไม่เวิร์คๆ เลยต้องเรียกแบบปกติดีกว่า 5555 นั่งเล่นที่นี่พักใหญ่เลยพอถึง3ทุ่มครึ่งก็กลับไปที่พักตอนนี้รู้สึกปวดเท้ามากคืออากาศเย็นจนปวดเท้าแล้วก็นั่งเก็บของ+อาบน้ำ+นอน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปขึ้นรถให้ทันรอบแรก



ตอนที่5 @ Mandalay-Mingun https://th.readme.me/p/1873

Notes from Backpacker

 วันพฤหัสที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.16 น.

ความคิดเห็น