ตอนแรกจะไปรีวิวที่พักแถวไอคอนสยามแต่ก็ต้องเปลี่ยนแพลน
เพราะไม่มีที่จอดรถ ไม่สะดวกกับชาวต่างจังหวัดอย่างเราสุดๆ
เป็นความบังเอิญที่เราได้ที่พัก แถวท่าพระ ออกนอกเมืองมาเล็กน้อย
แต่โลเคชัน ดี้ ดี เพราะใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีบางไผ่
เราพักกันที่ The bed by ท่าพระ เราสามารถทิ้งรถไว้แล้วเดินไปไม่ไกลขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีบางไผ่ได้เลย
ฮอตมากนะจ้ะที่นี่ คนต่างชาติเกือบครึ่ง ที่นี่สบายหายห่วงเรื่องอาหารสำหรับคนอิสลาม
คืนละ 650 ลด10% เหลือ 585 บาท ตอนมีโปรจองผ่านเฟส
บ้าาาา ไปแล้วราคานี้ พร้อมอาหารเช้าบุฟเฟต์ และที่สำคัญเมนูไม่ซ้ำจ้าา
พักสบายอยู่นะ ติดถนน ก็ไม่ดังเท่าไหร่หรอก แอบดูหน้าต่างเหมือนมีกระจกสองชั้น
ไม่ได้ค่ารีวิวนะ คือดี เลยนอนซะสองคืน
วันที่ 1 สถานีบางไผ่ >>>> สถานีสนามไชย มิวเซียมสยาม >>>> สถานีวัดมังกร เยาวราช
มาถึงเรารีบเช็คอินที่พัก
แล้วเดินอีกไม่ไกลจากที่พักเพื่อขึ้นจากสถานีบางไผ่
โล่งๆๆๆเลย
มาลงสถานีสนามไชย
และเราก็ต้องประทับใจกับความอลังการงานสร้าง
ที่นี่เป็นสถานีเดียวในระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางพื้นที่อนุรักษ์เกาะรัตนโกสินทร์
ในแนวถนนสนามไชย กรุงเทพมหานคร บริเวณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ผ่านพื้นที่เมืองเก่าก่อนลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาด ไปยังฝั่งธนบุรี
และยกระดับขึ้นสู่สถานีท่าพระ
การออกแบบภายใน ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ออกแบบโดย รศ.ดร. ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นท้องพระโรงในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการประดับด้วยเสาสดุมภ์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างทางเดิน
ลงลายกระเบื้องเป็นดอกพิกุล ปลายเสาประดับด้วยบัวจงกลปิดทองคำเปลว
พื้นและผนังจำลองมาจากกำแพงเมือง ประดับด้วยเสาเสมาของพระบรมมหาราชวัง เพดานเป็นลายฉลุแบบดาวล้อมเดือน ปิดทองคำเปลว
ลงสถานีสนามไชย (ทางออก 3)
เเละเพียงไม่กี่อึดใจบรรไดเลื่อนก็พาเราขึ้นมา พบกับเบื้องหน้า คือ มิวเซียมสยาม
วาปร์มาจริงๆ
ข้างในแบ่งเป็นหลายส่วน ซึ่งจัดแสดงในเรื่อง ของความเป็นไทย ความเชื่อ
จั่วหัวมาด้วยคำว่า อะไรคือ ความเป็นไทย?
เออ แฮะชักอยากรู้ ต้องตามมาดู
มีสิ่งต่างๆให้หยิบ จับ เปิดดูชวนให้เราค้นหา
เดินดูเพลินๆ ได้ความรู้ดี
มีห้องจัดนิทรรศการ ที่มาพร้อมแสงสีเสียง กลเม็ดในการดำเนินเรื่อง ที่โผล่ให้เราเห็นเป็นระยะ
เรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี
มาถึงเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง เหลือเวลาถ่ายรูปอีกเล็กน้อย
วันและเวลาทำการ
วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดให้บริการทุกวันจันทร์) เวลา 10.00 - 18.00 น.
แล้วก็ไปกินข้าวเย็นที่เยาวราช โดยนั่งรถไฟฟ้าต่อไปที่สถานีวัดมังกร
อู้หู้วววว อีกแล้ว สถานีนี้ก็อลังการงานสร้างไม่แพ้กัน
มองไปทางไหนก็มีคนถ่ายรูปเต็มไปหมด
ช่างเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่เกร๋จริงๆ
พอออกจากสถานี เหมือนเจอวอคกิ้งสตีทแถวพัทยา
คนแน่นมากๆ จนเกือบจะถอดใจ ถ้าไม่ติดที่หิวจนสามารถกินหัวคนได้
เลยเดินดุ่มๆ มั่วๆ ไปกิน เจอร้านกระเพาะปลาร้านหนึ่ง ที่ยังพอมีที่นั่งว่าง
มั่วมากินแต่รสชาติก็ยังคงความอร่อยเฉยเลย ส่วนราคาก็ มี 70 หรือ 100 มีเนื้อปูกับเป๋าฮื้อ
ส่วนปริมาณก็ตามภาพเลย
น้อยเหลือใจแบบพอประทังความหิว
เพิ่มอรรถรสก็ด้วยการนั่งฟังซิ่มบ่นลูกค้า ที่มานั่งทานกระเพาะปลา
บ่นลูกค้าเล่นโทรศัพท์ในร้าน คือเจ้เค้าอยากให้รีบกินๆแล้วก็ไปๆ ร้านเค้าเล็ก ลูกค้าเยอะแหละ เข้าใจ
ยันเถียงกับฝรั่งเรื่องค่าเบียร์ที่แสนแพง
ด้วยภาษาไทย ปนจีน
เรานี่รีบจ้วงอย่างไว แต่ลูกได้แค่กินๆ อมๆ คายๆแล้วบ้วน
ไม่ได้แยแสกับเสียงบ่นของซิ่มเลย ซึ่งเรารอดจาการบ่นไล่หลังของซิ่มด้วยความปลอดภัยดี
นับเป็นการเที่ยวเยาวราชที่น่าจดจำไม่น้อย
ดูจากปริมาณคนในวันนี้แล้ว เราคงกลับที่พักอย่าง ไม่มีอะไรให้น่าเพลินเพลินเลย
ร้านเต็มแทบทุกร้าน ซึ่งบางร้านเป็นร้านริมถนนธรรมดาๆ แต่ได้ข่าวมาว่าของอร่อยนี่มีอยู่ทั้งซอย
แม้ว่าจะเป็นร้านธรรมดาข้างถนนก็ตาม
แต่เราขอยอมแพ้ กลับที่พัก
ระหว่างทางก่อนกลับ ก็ชมลวดลายมังกร ที่สถานีวัดมังกร
สวยมีเอกลักษณ์จริงๆ
วันนี้หมดแรงแล้ว ต้องรีบตุนแรงเพราะเราจะไปเก็บแรลล์ไอเท็มที่เหลือ ตามแนวรถไฟฟ้ากัน
ติดตามได้ในรีวิวฉบับที่ 2 เร็วๆนี้
เพจที่เราทำไว้ขำๆแก้เก้อก็ได้จ้าาาาา
ติดตามรีวิวอื่นๆ ได้ที่
กางเต้นท์ริมเล นอนเซฟังเสียงคลื่น
ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม
พายคายัควังบอน นอนเต้นท์เล่นน้ำตก
กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 2 ตามล่าหาติ่มซำ
กว่าจะถึงภูเก็ต ตอนที่ 3 บทส่งท้าย
จากโคราชถึงปากช่อง...ที่เที่ยวลับๆ ที่น้อยคนนักเข้าไม่ถึง
เลเจนด์ สยาม ความงามแบบฉบับไทยๆ
ยิ่งรู้จัก ยิ่งหลงรักเมืองลำปาง
เติมความสุขอิ่มแปล้ ณ สะพานแพ โฮมสเตย์
เที่ยว อิต่อง เหมืองปิล๊อค น้ำตกจ๊อคกระดิ่น กางเต้นท์ที่ทองผาภูมิ
แมวเหมียว ไปเที่ยวกัลลลล
วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.24 น.