สถานีปลายทางนี้ที่ .............................. บ้านอิต่อง
เริ่มต้นกันที่ปักหมุดบนแผนที่ แค่เห็นทางก็ลำบากแล้ว
ทางขึ้นหลังจากผ่านตัวเมืองกาญจนบุรี
ภูเขาสลับซ้ำซ้อนพอสมควร
ไม่รู้ว่าค่ำนี้จะนอนที่ใหน มีแค่เต้นท์กับปลายทาง ที่ไปตายเอาดาบหน้า
ปลายทางของเราคือ หมู่บ้านกลางหุบเขา เขตชายแดนพม่า
นั่นก็คือ บ้านอิต่อง กว่าจะเดินทางไปถึง ก็เย็นมากแล้ว
เพราะแวะไปเรื่อย ที่แรกที่เราแวะคือ สถานีถ้ำกระแซ
มีที่ขายของปากทางเข้า
แดดร้อนๆนี่ เตรียมพกน้ำไปด้วยเลยค่ะ
ถึงแล้ว
ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย
ภายในถ้ำ เงียบ สงบ
มีทางเดินภายในถ้ำ ค้างคาว หินงอกหินย้อยมีไม่มากนัก
มีน้ำหยดตามกำแพงถ้ำเป็นระยะ พอให้เย็น
ทางเดินต่อจากถ้ำด้านนอก
แดดเปรี้ยงงงง
มีความหวาดเสียวเล็กน้อย ต้องเดินดูทางไม่ให้สะดุด
ส่วนคนที่กลัวความสูง ไม่แนะนำให้มองลงไปเลย
เพราะเราต้องก้าวย่างไปตามแผ่นเหล็กรางรถไฟ
มีจุดให้แวะพักเล็กน้อย
เราเดินไปอีกหน่อยก็กลับ เพราะร้อนมาก
ไปมาอีกครั้ง พบว่าข้างหน้าเป็นรีสอร์ทที่ติดกับสถานีรถไฟอีกสถานีนึง
ระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร
มาถึงเกือบมืด
เราเลยตัดสินใจแวะกางเต้นท์ที่ อช. ทองผาภูมิ
ข้อดีของการกางเต้นท์ที่นี่ คือปลอดภัย อุ่นใจ
เพราะดันมาในวันที่คนอื่นทำงานกัน
แต่ได้บรรยากาศ ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
เงียบๆ เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ค่าเข้า สองคนกับรถ 1 คันก็ร้อยกว่าบาท
เป็นอันว่า คืนนี้เราได้ที่พักอย่างสบายใจแล้ว
ไปกางเต้นท์และรีบอาบน้ำ
ห้องน้ำสะอาดมาก
อากาศหนาวมากด้วย
ใครจะไปรู้ว่าเดือนพฤษภา อากาศบนนี้จะเย็นยะเยียบขนาดนี้
จนไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไป
ทั้งอุทยานมีเราอยู่เต้นท์เดียว กับเจ้าหน้าที่ดูแลอุทยานอีกคน
แอบวังเวง ลมพัดพอประมาณ พอให้จินตนาการบรรเจิดในเงาสลัวๆ
ท่ามกลางคืนที่ไม่มืดสนิท
เราออกมาดูดาว ดาวชัดเจน.................ท่ามกลางความมืดของผืนป่าเบื้องหน้า
แต่ก็แพ้กับแสงสว่างนวลของดวงจันทร์
ภาพชัดเตอร์ที่ถูกกดลง จึงสว่างนวลไปด้วยแสงของดวงจันทร์มากกว่าดาว
มุมที่ถ่ายรูปเป็นระเบียงยื่นออกไปในผืนป่า
มืดสนิท
ทำให้เราเห็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า
ซึ่งก็คือ หิ่งห้อยตัวน้อย ที่บินผ่านหน้าเราไป
คืนนี้ช่างเป็นคืนที่เงียบสงบ และเราท่ามกลางหมู่ดาว
หันหลังกลับมาอีกที ความโรแมนติกหายไปทันที
ไฟทางเดินอุทยานถูกปิด ทิ้งไว้แต่ความมืด......... และความหนาวเย็นของลม......
ทางอุทยานน่าจะปิดไฟหลังสามทุ่ม
ไปค่ะ กลับเต้นท์นอน พรุ่งนี้เรามีนัดที่หมู่บ้านอิต่อง
เช้าๆแอบเปิดเต้นท์ออกมาดูหมอกหน่อยนึง
แล้วก็กลับไปนอนต่อ
อากาศชวนให้ซุกตัวอยู่ในผ้าอุ่นๆมากกว่า
มันเป็นวันพักผ่อน ที่ไม่ได้รีบไปใหน
เราตื่นตอนสายๆ พร้อมตั้งเตา มีโอวัลติน ไข่กระทะ ขนมปังปิ้งเนยน้ำตาล มันต้ม
แล้วก็หมูย่างที่เหลือจากเมื่อคืน อารมณ์เหมือนผจญภัยอยู่ในป่า
แอบคิดถึงเซเว่น จับใจ
เป็นมื้อเช้าง่ายๆ เคล้าบรรยากาศเย็นๆของเวลาที่สิบโมงเช้า
และแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางไปยัง หมู่บ้านเหมืองแร่
ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่พอจะเดินเล่นได้ยามสายๆ
โดยไม่ค่อยรู้สึกว่าร้อนมาก
เจอสะพานเหมืองแร่ด้านขวามือ
สะพานเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว
เดินเข้าไปอีกนิดจะเจอสะพานที่เชื่อมเข้าไปในหมู่บ้าน
แล้วก็ป้ายไม้ไผ่ สัญลักษณ์ของที่นี่
ที่นักท่องเที่ยวช่วยกันจารึกเอาไว้
ที่นี่มีหมู่บ้านเรียงราย ประมาณ 20-30 หลัง
เดินเพลินๆเข้าไปในหมู่บ้าน
มีสองซอย มีที่พักร้านอาหารเล็กๆ ร้านกาแฟ
ช่วงไม่ใช่เทศกาล คนก็จะน้อยๆ เหงาๆ
แต่เดินเที่ยวชมสบายดี
นอกจากเราแล้วก็เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มสองกลุ่ม
ป้ายทางเข้า
ร่องรอยที่บอกว่า ที่นี่มีประวัติศาสตร์ เรื่องราวของการขุดเหมืองกันจริงๆ
บริเวณนี้ก็เป็นที่เก็บเครื่องมือ ที่ผ่านเวลามาเป็นสิบๆปี
จากหมู่บ้านเราลัดเลาะขึ้นไปบนเนินช้างศึก
ถนนก็จะประมาณนี้แหละ
แอบสงสารรถ เหมือนต้องพาไปวิ่งทางวิบาก
อุโมงค์เหมืองแร่จะมีทางแยกออกไปอีก
ขับเข้าไปซะหน่อย
เราก็ได้เจอร่องรอยของ อุโมงค์เหมือง
ดูน่ากลัวพิลึก
เมื่อเราลงมาเดินสำรวจ สังเกตดีๆจะเห็น
แร่ที่ถูกแทรกตัวอยู่ในหิน
พบว่าแถบนี้มี แร่ดีบุกและวุลแฟรมซึ่งมีองค์ประกอบของแร่เหล็กผสมอยู่
สำรวจบริเวณการขุดเหมือง
ก็ไปต่อที่ เนินช้างศึก
มีที่จอดรถ ห้องน้ำเก่า ๆ
เหมือนเคยเป็นที่กางเต้นท์ แต่ตอนนี้มีป้ายห้ามกางเต้นท์
น่าจะเป็นเพราะ ขยะที่ถูกนักท่องเที่ยวทิ้งไว้จำนวนมาก
เราเดินผ่านเข้าไปในฐานปฏิบัติการช้างศึก
ก็จะพบกับวิวสันเขา ด้านล่างเป็นหมู่บ้าน
มีแดด แต่ไม่ร้อนมาก พอมีความเย็นให้เราได้ยืนมองวิวรอบๆตัว
วิว 360 องศา อ่าาาาาาาา
กว่าจะขึ้นมาได้ ไม่อยากรีบลงไปเลย
ขากลับลงมาแวะ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
เสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท
มีทางเดินเล็กๆ เข้าไปที่น้ำตก ไม่ไกลนัก ราก็จะได้ยินเสียงน้ำตก
มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัย
หากจะลงเล่นน้ำมีชุดชูชีพให้ใส่ เนื่องจากน้ำเขียวๆที่เราเห็นน่าจะลึกพอสมควร
น้ำใส และเย็นมาก
ได้เวลากลับแล้ว แวะในตัวเมืองกาญ
สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก
เป็นอนุสรณ์สถานแห่งหนึ่งที่เปิดให้เข้าเยี่ยมชม เพื่อรำลึกถึงผู้ที่สูญเสียในช่วงสงครามโลก
มีชาวต่างชาติมาที่นี่ค่อนข้างเยอะ
แล้วเราก็แวะกินข้าวกลางวัน
เงียบสงบ เป็นระเบียบ สวยงาม
แวะตลาดเก่าท่านา
ร้านขายของเต็มไปหมด
รวมถึงอาหารและของฝาก
ร้านรวงจะมีสไตล์เดียวกันทั้งแถบ
ถือว่าเป็นการอนุรักษ์ของชุมชนที่ดี
ที่นี่ก็จะขายพวกขนมตุ๊บตั๊บ ขนมเปี๊ยะ ร้านไอติม ร้านขาย
ให้แวะชมเเละเลือกซื้อกัน
และแล้วก็ได้เวลายิงยาวกลับบ้าน
ทริปครั้งนี้เหมือนได้ออกไปผจญภัย
ไม่ได้เจอหมอกอย่างที่ใครเขียนรีวิวไว้
ไม่ได้เจอรถติดเพราะคนแห่กันไปเที่ยว
แต่ได้ค้นพบตัวเองที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ไปเถอะ ถ้าอยากรู้ว่ามันจะทำให้เรามหัศจรรย์ใจในสิ่งที่เราเจอ
กดติดตามกันได้ที่
>>>>ไปเที่ยวกัน
ไปเดินเล่นกันที่ พิพิธภัณฑ์พระราม 9
กางเต้นท์ริมเล นอนเซฟังเสียงคลื่น
ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม
พายคายัควังบอน นอนเต้นท์เล่นน้ำตก
กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 2 ตามล่าหาติ่มซำ
กว่าจะถึงภูเก็ต ตอนที่ 3 บทส่งท้าย
จากโคราชถึงปากช่อง...ที่เที่ยวลับๆ ที่น้อยคนนักเข้าไม่ถึง
เลเจนด์ สยาม ความงามแบบฉบับไทยๆ
ยิ่งรู้จัก ยิ่งหลงรักเมืองลำปาง
เติมความสุขอิ่มแปล้ ณ สะพานแพ โฮมสเตย์
เที่ยว อิต่อง เหมืองปิล๊อค น้ำตกจ๊อคกระดิ่น กางเต้นท์ที่ทองผาภูมิ
แมวเหมียว ไปเที่ยวกัลลลล
วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.54 น.