ก่อนโควิดระลอกสองจะมา ขอไปกอดธรรมชาติบ้างนะ
เป็นทริปปลายปีพอดิบพอดี
โรงแรมที่ใช้สิทธิ์เที่ยวด้วยกันถึงกับเต็ม
ในระหว่างที่สถานการณ์โควิด
กำลังคุกกรุ่น
ว่าจะยังไงต่อดี
ใส่แมส พกแอลกอฮอล์เเทน
แขวนพระเครื่อง
แวะริมทางไม่พร่ำเพื่อ
ที่เหลือก็เอาตัวไปอาบแดด ฟังเสียงคลื่น
เตรียมเสบียงไปทำเอง
หลีกหนีความพลุกพล่านของผู้คน
มาถึงท่าเรือเฟอรี่อ่าวธรรมชาติตอนสายๆ รถเต็มลาน เกือบถอดใจ
รอเกือบๆชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นเรือ
และแล้วเราก็ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง น้ำทะเลสีฟ้า รอเราอยู่
วันแรกไปเกาะช้างเลี้ยวขวา เท่าที่จำได้จากครั้งก่อน
ด้านขวานี่เต็มไปด้วยเมือง ร้านค้า โรงแรม ผู้คนล้นหลาม
ทุกอย่างดูเงียบไปมากๆ
บางร้านเก็บของหาย ปล่อยร้าน ร้างๆ โล่งๆ
ทนค่าเช่าไม่ไหว ก็ต้องกลับไปตั้งหลักก่อน
นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปเหลือเพียงหนึ่งเปอร์เซนต์
นับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มาสัมผัสแสงแดด สายลม และเกลียวคลื่นแบบเงียบๆ
คืนแรกนอน ปลาทูรีสอร์ท จองผ่านบุคกิ้งถูกกว่าหน้าเพจอีก
ช่วงวันหยุดยาวราคาก็จะอัพไปจากเดิม จากราคา 300-500 บาท
นี่คือราคาวันหยุดยาววววว ถ้าปกติห้องแอร์ก็สักสี่ห้าร้อยได้
เป็นพัดลม + เครื่องทำน้ำอุ่น 300
หน้าหนาวอย่างนี้ พัดลมก็เอาอยู่
ห้องแอร์ + เครื่องทำน้ำอุ่น 800
เป็นบังกะโลหันหน้าชนกัน อีกฝั่งเดินออกทะเลได้
ข้อเสีย ไม่มีอาหารเช้า อาจจะได้ยินเสียงเห่า จนรบกวนการพักผ่อน
แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็โอเคอยู่ ห้องน้ำสไตล์ลอฟปูนเปลือยแบบดิบๆ
ซึ่งเราไม่ชอบความสากเท้าเลย
เล่นน้ำลำบากหน่อยเพราะน้ำลึก คือเดินไปสามเก้า น้ำก็อยู่ระดับอกแล้ว
ไม่น่าเสี่ยงเล่น ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นหรือมีเด็กๆ วันที่ไปคลื่นแรงด้วย
ข้อดี สามารถนำสุนัขเข้าพักได้ ถ้าใครไม่ชอบผ่านได้ สามารถเดินลงทะเล
หรือจะเดินไปสำรวจ
เดินเล่นชายหาด ถ่ายรูปก็ ชิวดี เป็นชายหาดทรายละเอียดมาก
ที่นอนแบบคิงไซส์ กว้าง นุ่ม หมอนนอนสบาย
เช็คอินที่รีสอร์ท นอนเอาแรงสักตื่น แล้วไปเล่นน้ำที่หาดทรายขาว
เหมือนที่ใครๆเค้าบอกมา
ชายหาดหน่ะมี แต่ถูกรายล้อมไปด้วย
ห้างร้าน โรงแรม
ต้องสังเกตดีๆ จะมีรถจอดเยอะๆ
มีซอยเล็กๆเป็นทางลง
อากาศหนาวเกินกว่าจะเล่นน้ำ
คนมาเดินเล่น ถ่ายรูป เยอะเลย
แต่พอมีระยะห่าง
ทุกคนต่างออกมาชื่นชมเก็บความทรงจำ
แสงสุดท้ายของปี
เล่นน้ำจนสั่น รีบกลับที่พัก มีเมนูปิ้งย่างกับจิ้มจุ่มรออยู่ที่ห้อง
ตื่นเช้ามามีไข่กระทะกับหมูที่เราเอามาอุ่น ของเมื่อคืน ก็อิ่มไปอีกมื้อ
แล้วมาเดินเล่นริมหาดติดกับที่พัก
มีชิงช้าให้เล่นด้วย ถ่ายรูปมุมนี้ ได้คนละร้อยช้อต
เช็คเอ้าท์ออกสิบเอ็ดโมง
แวะจุดชมวิวไก่แบ้
จุดชมวิวที่เห็นเกาะเล็กเกาะน้อย
ที่เห็นจะโดดเด่น ก็คือต้นมะพร้าว
เหมือนหลุดออกมาจากในหนังสือการ์ตูน
ไปน้ำตกสี่ท่อ ซึ่งน้ำแห้งสนิท
หาดคลองกลอยอยู่ใกล้ๆกับน้ำตกสี่ท่อ
เป็นคล้ายๆบังกะโล ติดริมทะเล มีชายหาดช่วงสั้นๆ
บรรยากาศคือเงียบสงบมากๆ
แต่ไม่เห็นที่จอดรถ เลยไม่ได้ลงไปเก็บภาพ
หมู่บ้านบางเบ้า ซึ่งไม่มีที่จอดรถ เลยไปชะโงกหน้าแล้วก็วนรถกลับ
แวะกินข้าที่ร้าน ป ปลา ติดริมทะเล มีที่นั่งกินชิดทะเลเลย
และที่สำคัญเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งด้วย
ร้าน ปอ ปลา เกาะช้าง
ถึงเวลาบ่ายๆเช็คอินได้พอดี โรงแรมโคโค่นัท บีท รีสอร์ท อยู่ติดหาดคลองพร้าว
เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเล
เงียบสงบกว่าหาดทรายขาว หรือเป็นเพราะวันนี้คนเตรียมเดินทางกลับกันแล้ว
ก็ไม่รู้ คนก็มีพอประมาณ ทยอยเช็คอินมาเรื่อยๆ
เราเก็บของเเล้ว เตรียมตัว ไปเล่นน้ำ
สระว่ายน้ำมีสองโซน
โซนติดทะเลกับไม่ติดทะเล
ฝั่งที่ไม่ติดทะเล
ทุกห้องจะหันระเบียงเข้าสระว่ายน้ำ
น้ำเย็น เฉียบบบบบ
สระที่อยู่ติดชายหาด น้ำอุ่นหน่อย
ติดชายหาด ลงทะเลด้วยเลย
ทะเลอุ่นดี ลงสักพักเหมือนแสบผิว เจ็บจี้ดๆ
เหมือนโดนอะไรต่อย เลยต้องรีบขึ้น
ไปหาข้อมูล พบว่าเป็นแตนทะเล ซึ่งเป็นแพลงก์ตอน
ของสัตว์ทะเลมีพิษหลายชนิดซึ่งล่องลอยอยู่ในทะเล
และยังไม่ลงเกาะกับที่ใด แตนทะเล เป็นตัวอ่อนของสัตว์
จำพวกแมงกระพรุน ดอกไม้ทะเล กัลปังหา หรือ ปะการัง
ที่มีระบบเข็มพิษแบบเดียวกันกะแมงกระพรุน
มองด้วยตาเปล่าแทบจะไม่เห็น หรืออาจจะเห็น
เวลามันโดนน้ำพัดมารวมกันเป็นกลุ่ม เป็นตะกอน
ลอยอยู่ในน้ำ โชคดีที่ไม่แพ้ ถ้าแพ้ก็จะมีผื่นแดง
ต้องใช้น้ำส้มสายชูราด หรือบางรายแพ้หนัก
อาจจะต้องแอดมิท รพ. ไปเลยก็มี
เล่นน้ำเสร็จอาบน้ำแต่งตัวไปจุดชมพระอาทิตย์ตก
ที่แหลมไชยเชษฐ์
เข้าไปทางไชยเชษฐ์รีสอร์ท
จุดที่เป็นเนินเขาชมวิว
มีป้าย สำหรับเฉพาะคนที่มาพักรีสอร์ท
จบเลยยย
แต่แถวๆนั้นก็ได้เห็นภาพมุมกว้าง
สวยไม่แพ้กัน
เลาะเลียบจากหน้าชายหาดมาก็จะถึง
ที่พักของเรา
ใช้สิทธิคูปองอาหารเย็น
ห้องอาหารเย็นสบายของโรงแรมได้อีก
กับข้าว 4 อย่าง น้ำปั่นอีกแก้ว 900 กว่าบาท
อร่อยรสชาติไม่จัดมาก
ใช้สิทธิ์เหลือ 500 กว่าบาท
ตอน 1 ทุ่ม มีโชว์ควงกระบองไฟด้วย
อู้หู้วมากอ่ะ บอกเลย คิดว่าควงปกติธรรมดา มาเป็นไฟพุ่งเลย
แอบมองริมชายหาด ก็จะเห็นมีการโชว์พร้อมๆกัน
ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของชาวเกาะมาก
อิ่มแล้วก็กลับห้อง
ตื่นเช้ามากินอาหารบุฟเฟต์ของโรงแรม เมนูอร่อยที่แนะนำเลยก็คือ ไข่ออมเล็ต
ทำสดใหม่โดยพ่อครัว
อาหารเช้าก็หลากหลายดี
กินข้าวเช้าเสร็จแล้วไปเดินเล่นชายหาด
นักท่องเที่ยวบางส่วนลงเล่นน้ำเพราะอากาศวันนี้อุ่นกว่าเมื่อวานมาก
เด็กน้อยตักทรายเล่นริมหาด ส่วนเราก็นั่งฟังเสียงคลื่น
เช็คเอ้าท์ออกเที่ยงพอดี
พนักงานตรวจเช็คห้องพัก รอเงินค่ามัดจำกุญแจคืน
เวลาเหลืออีกครึ่งวัน
จะพาไปเกาะช้างเลี้ยวซ้าย
แวะกินข้าวเที่ยงที่ไอยราไทยฟู้ด
อาหารอร่อย มีทั้งก๋วยเตี๋ยวและข้าว
ราคาอยู่ที่ 50 บาท คือไม่แพงเลย
ระหว่างทางผ่านท่าเรือเฟอรี่ รถติดยาว ถึงยาวมาก
ไม่อยากคิดตอนเรากลับเลย
เกาะช้างเลี้ยวซ้ายผ่านจุดที่เป็นอุทยาน น้ำตกคลองพลูไม่ได้แวะ
เพราะกลัวจะไม่มีน้ำ
ฝั่งนี้ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยบ้านคน
นานๆทีจะมีที่พัก หรือคาเฟ่
ใครมาฝั่งสายคาเฟ่สามารถแวะคาเฟ่สวนลุงยาว
สามารถใช้สิทธิ์คนละครึ่งได้
ท่าเรือเฟอรี่อีกฝั่งรถคอยขึ้นเรือมีอยู่พอประมาณไม่ยาวเท่าฝั่งโน้น
ไม่นานเราก็มาถึงชุมชนอ่าวสลักคอก
ที่เป็นจุดนั่งเรือมาดกับพายคายัค
นั่งเรือมาดคนละ 200 /ชั่วโมง
พายคายัคคนละ 50
และแล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อ
จุดให้เช่าคายัคเเจ้งว่าคลื่นลมแรง
ใครตั้งใจมาพายก็เช็คกับทางเพจ
ก่อนมาก็แล้วกัน
ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก
ที่นี่มีร้านอาหารชื่อว่าสลักคอกซีฟู้ด
ใครยังไม่ได้กินอาหารกลางวันสามารถมาฝากท้องที่นี่ได้
ใช้สิทธิ์คนละครึ่งได้ด้วย
เราเคยมาพายเมื่อนานมาแล้ว จะเป็นคุ้งน้ำตามป่าโกงกาง
ลมจะพัดชิวๆ ไม่ร้อนมาก
แล้วจะออกไปสู่อ่าวมีบ้านชาวประมง
ชมทิวทัศน์แม่น้ำสลับป่าโกงกาง
สัมผัสวิถีชีวิตผู้คนในชุมชน
และมีเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นตะกอนเปลือกหอย
เดินลงไปจะรู้สึกพื้นยวบๆ
ออกจากหมู่บ้านเราไปต่อกันที่ป่าชายเลนสะพานแดงบ้านสลักเพชร
เดินไม่ไกลเราก็จะเจอกับทุ่งโปรงทองตัดกับสะพานแดง
เลียบไปตามป่าชายเลนวิว 360 องศาไปเลย
เดินไปจนสุดจะเจอปลายสะพานที่พาให้มองออกไปสู้เวิ้งน้ำ
อันเงียบสงบ ลมพัดพาเบาๆให้หายร้อน
บ่ายแก่เดินทางกลับไปขึ้นเรือเฟอรี่ ลานเต็มไปด้วยรถ
จึงผ่านไปขึ้นฝั่งอ่าวธรรมชาติ ปรากฏว่าแถวยาวมากไม่ต่างกัน
และเราต้อเอารถไปต่อที่ปลายแถวซึ่งต้องจอดรถค้างเติ่งอยู่บนเนินเขา
เราจึงวนรถกลับมาที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ ได้ขึ้นเรือตอนหกโมงเย็น
รอเรือสามชั่วโมง เที่ยวช่วงเทศกาล
อย่าหาทำ
พี่ที่ดูแลเรือรถลงเรือบอกว่า
ถ้าไม่ติดโควิด
ก็โน้นนนนนตีหนึ่งตีสองรถยังไม่หมด
คิดว่าถ้ามีโอกาสมาวันธรรมดา
ต้องมาอีกแน่นอน
อยากสัมผัสความเงียบสงบที่เข้าถึงธรรมชาติ
เหมือนหลุดไปอยู่ที่ใหนสักแห่ง
เป็นการเริ่มต้นปีที่น่าประทับใจไม่น้อย
รายละเอียดค่าใช้จ่าย
วันที่ 1
- ขาไปเอารถขึ้นเรือเฟอรี่เกาะช้าง(อ่าวธรรมชาติ)
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 6.30 - 19.00 น.
- ค่าตั๋วเรือ : 80 บาท/คน/เที่ยว
- ค่านำรถยนต์ขึ้นเรือ : รถ 4 ล้อ 120 บาท/คัน/เที่ยว
- ระยะเวลาเดินทาง : 45-60 นาที
- การจองตั๋วเรือ : ซื้อตั๋วเรือที่ท่าเรือ ใครมาก่อนได้ขึ้นเรือก่อน
- อาหารกลางวัน ร้านอาหารไอยราไทยฟู้ด ชามละ 50 หมดไป 300 กินเหมือนโกรธใครมา
- ที่พักปลาทูรีสอร์ท ห้องละ 750
- ชุดปิ้งย่างริมทะเล 500
วันที่ 2
- ปอ ปลา
- โคโค่นัทรีสอร์ท ใช้คูปองสิทธิ์เที่ยวด้วยกันสองห้องเหลือ 1680
- ห้องอาหารเย็นสบายของโคโค่นัทรีสอร์ท 990 ใช้คูปองสิทธิ์เที่ยวด้วยกันเหลือ 500 บาท
- ค่าที่จอดรถสะพานแดง 20 บาท
วันที่ 3
- ข้าวกลางวัน ร้านอาหารไอยราไทยฟู้ด ชามละ 50 หมดไป 200
- ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ (ข้ามฟาก 45 นาที) ราคาเท่ากับเฟอรี่เกาะช้าง(อ่าวธรรมชาติ)
แต่จะใช้เวลานานกว่า ข้อดีคือมีลานจอดรถเพื่อรอขึ้นเรือ
กดติดตามกันได้ที่
>>>>ไปเที่ยวกัน
ไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเล ให้ธรรมชาติโอบกอดเรากับที่พักราคาหลักร้อย
ไปเดินเล่นกันที่ พิพิธภัณฑ์พระราม 9
กางเต้นท์ริมเล นอนเซฟังเสียงคลื่น
ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม
พายคายัควังบอน นอนเต้นท์เล่นน้ำตก
กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 2 ตามล่าหาติ่มซำ
กว่าจะถึงภูเก็ต ตอนที่ 3 บทส่งท้าย
จากโคราชถึงปากช่อง...ที่เที่ยวลับๆ ที่น้อยคนนักเข้าไม่ถึง
เลเจนด์ สยาม ความงามแบบฉบับไทยๆ
ยิ่งรู้จัก ยิ่งหลงรักเมืองลำปาง
เติมความสุขอิ่มแปล้ ณ สะพานแพ โฮมสเตย์
เที่ยว อิต่อง เหมืองปิล๊อค น้ำตกจ๊อคกระดิ่น กางเต้นท์ที่ทองผาภูมิ
แมวเหมียว ไปเที่ยวกัลลลล
วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 22.01 น.