ทิ้งรีวิวไปกว่าครึ่งปี กลับมาต่อด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยหายไป
วันนี้เราจะไปตามล่าหาติ่มซำที่ว่า ทำไมถึงต้องตามหา
เพราะต้นตำรับความอร่อยของติ่มซำต้องมากินที่ เมืองภูเก็ต
เราตื่นแต่เช้าเพราะติ่มซำจะขายถึงแค่ 11 โมงเท่านั้น
หรือถ้ามาช้าอาจหมดก่อน ร้านที่เราไปกินถือว่าเป็นติ่มซำเก่าแก่ที่สุดในภูเก็ต
ร้านจะอยู่บนถนนชนะเจริญ เป็นเส้นที่เชื่อมระหว่างถนนดิลกอุทิศ1 กับ ถนนดิลกอุทิศ2
ถ้าไม่เจอ ก็ต้องจอดแล้วเดินเอา ถือว่าเป็นการซึมซับวัฒนธรรมของชาวจังหวัดภูเก็ตไปในตัว
ร้านเป็นอาคารพาณิชย์หนึ่งคูหา ที่ลูกค้าเข้าออกตลอดเวลา จะเห็นชาวบ้านมานั่งกินติ่มซำเช้าๆ
พร้อมน้ำชาควันฉุยๆ เมื่อร้านนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
พอถึงก็สั่งค่ะ สั่งให้หนำใจกับการดั้นด้นมา
อย่าเพื่งโลภค่ะ เดี๋ยวทานไม่หมด
หลังจากสบายท้องกันแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อ
ไปยังหาดป่าตอง นับเป็นหาดสวรรค์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยแท้
เพราะทั้งชายหาด ก็มีชาวไทยเพียงไม่กี่คน
เม็ดทรายละเอียด ขาวๆ สะท้อนแสง เปล่งประกายไปกับน้ำทะเล
เราขับรถเลาะเลียบชายหาด บางที่เข้าได้
บางที่ต้องเสียค่าผ่านทาง ดูดีดีนะคะ
อาจจะมีคนไทยพยายามพูดภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี ใส่คุณโดยไม่รู้ตัว
ผ่านหาดกมลา
หาดสุรินทร์
ทางไปอุทยานแห่งชาติสิรินาถ
เราเจออุโมงค์ต้นยาง อดใจไม่อยู่ต้องแวะสักนิด
ชาวสวนช่างปลูกเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
และแล้วเราก็มาถึง
เราแวะพักนานเนื่องจากแถวนี้ นักท่องเที่ยวน้อย มีนักดำน้ำ
ซึ่งน่าจะเป็นนักสำรวจทางทะเล หลังจากที่ได้แวะพูดคุยเล็กน้อย
มีเครื่องบินให้เห็นเป็นระยะๆ เพราะใกล้กับสนามบิน
ต้นสนต้นสูงๆ อายุคงหลายชั่วอายุคน
บางต้นถูกน้ำกัดเซาะ จนล้มลง
หรือเหลือเพียงซากหลังจากสึนามิเข้าเมื่อหลายปีก่อน
น่าเสียดายเหมือนกัน
ที่นี่เป็นเขตอุทยานความอุดมสมบูรณ์จึงมีให้เห็นอยู่ตามแนวชายฝั่ง
มีเรือประมงเล็กๆ จอดอยู่ประปราย
พอเย็นๆเรามีนัดกันที่แหลมพรหมเทพ
มาดูสถานที่ที่โรแมนติกสุดในการชมดวงอาทิตย์ตกดิน
แต่ คนเพียบเลย
และมันก็ไม่ใช่แหลมพรหมเทพที่เป็นชะง่อนหินยาวๆยื่นไปในทะเล
มีฉากหน้าเป็นต้นตาล เดินหา แต่ไม่เจอ เสียใจ TT
แต่ฉากนั้น มันคลาสสิกในความทรงจำจริงๆ
พ่อกับแม่เคยมาชมดวงอาทิตย์ที่นี่เลยอยากลองมาตามรอยดูสักครั้ง
แต่พ่อกับแม่มาด้วยเรือ ราชนาวี เท่ไปอีก
พ่อกับแม่บอก มันมีทางเดินลงไป
ไอลูกเอ้ยยย
สงสัยต้องกลับไปอีกรอบ
แล้วเราก็เจอที่นี่ จุดชมวิวกังหันลม อยู่ทางซ้ายมือ ก่อนถึงหาดในหาน มีทางเลี้ยวเข้าเล็กๆ
ว้าววววว เป็นอ่าวที่มีเรือยอร์ช ลอยสงบนิ่งบนผืนน้ำ
แล้วดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆทอแสง
ชมดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดี
ก็ไปต่อ จนเจอทางเข้าจะเป็นเหมือนสวนสาธารณะ มีวัดเล็กๆที่ติดกับเวิ้งน้ำที่เป็นคล้ายทะเลสาบขนาดย่อม
น่าจะเอาไว้สำหรับรองรับน้ำ เวลาเกิดน้ำทะเลหนุน
แสงยังไม่หมดดี ขับรถไปทางหาดในหาน โอ้ววว ช่างเป็นบรรยากาศยามเย็นที่เนิ่นนานเหลือเกิน
และเราก็เจอกับสิ่งนี้
ลงไปเลยค่ะแบบไม่คิด ไม่มีชุดเปลี่ยน
เป็นทางผ่านของน้ำที่เข้าไปยังเวิ้งน้ำที่เราบอกว่าคล้ายทะเลสาบ
ยิ่งค่ำลง น้ำยิ่งไหลแรง เวลานั้นเป็นช่วงน้ำขึ้น
แต่คนเล่นเยอะพอสมควร น้ำไม่ลึก แต่ใส ใสจนเป็นสีฟ้า
จนแอบเห็นปลาบางตัวแอบเอาเราเป็นที่กำบังของกระแสน้ำ
ชื่นชมชาวบ้านที่นี่จริงๆที่ยังคงสภาพแวดล้อม รักษาความสะอาดโดยไม่มีขยะเลย
เล่นน้ำเสร็จรีบกลับไปอาบน้ำเรามีภารกิจต่อ
ไปกินข้าว ร้านอยู่ใกล้กับวงเวียนนาฬิกา อาหารทะเลสด อร่อยดีค่ะ
ชมเมืองวงเวียนหอนาฬิกา หนึ่งในศิลปกรรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีสที่มีการผสมผสานเอาความเป็นศิลปะตะวันตก และตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน จนเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองภูเก็ต
ช่วงที่ไปกำลังมีการปรับปรุง และกำลังนำสายไฟลงดิน ซึ่งจะปรับทำให้ทัศนียภาพดีขึ้น
พรุ่งนี้จะเดินทางกลับแล้ว
ยังเหลือเวลาในภูเก็ตอีกครึ่งวัน
รีบนอนหวังว่าจะได้ตื่นเช้า
ต่อรีวิวตอน 3 อย่าลืมติดตามตอนสุดท้ายกันนะคะ
กดติดตามกันได้ที่
>>>>ไปเที่ยวกัน
ไปเดินเล่นกันที่ พิพิธภัณฑ์พระราม 9
กางเต้นท์ริมเล นอนเซฟังเสียงคลื่น
ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม
พายคายัควังบอน นอนเต้นท์เล่นน้ำตก
กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 2 ตามล่าหาติ่มซำ
กว่าจะถึงภูเก็ต ตอนที่ 3 บทส่งท้าย
จากโคราชถึงปากช่อง...ที่เที่ยวลับๆ ที่น้อยคนนักเข้าไม่ถึง
เลเจนด์ สยาม ความงามแบบฉบับไทยๆ
ยิ่งรู้จัก ยิ่งหลงรักเมืองลำปาง
เติมความสุขอิ่มแปล้ ณ สะพานแพ โฮมสเตย์
เที่ยว อิต่อง เหมืองปิล๊อค น้ำตกจ๊อคกระดิ่น กางเต้นท์ที่ทองผาภูมิ
แมวเหมียว ไปเที่ยวกัลลลล
วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.04 น.