เริ่มกันที่

  • วัดห้วยน้ำทรัพย์(วัดพระธาตุวาโย)
  • วัดแก้วพิจิตรพิพิธภัณฑ์สถาน วัดแก้วพิจิต
  • อ่างเก็บน้ำวังบอน
  • วนอุทยานน้ำตกเขาอีโต้
  • ผาหินซ้อน
  • ดูหิ่งห้อยที่ ค่ายพรหมโยธี

แต่...............................................เป้าหมายของทริปนี้ของเราก็คือ พายเรือคายัค

นอกจากพายเรือคายัคแล้วที่แห่งนี้ยังสามารถกางเต้นท์ได้ด้วย

ก่อนจะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ว่า

เราเลาะเลียบแวะวัดห้วยน้ำทรัพย์(วัดพระธาตุวาโย)

วัดอารามหลวงที่ซ่อนตัวอยู่ในป่ายาง ของจังหวัดฉะเชิงเทรา

ซึ่งเห็น ความโดดเด่นอยู่ที่องค์พระมหาธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังประดับด้วยกระจก

สีเหลือง น้ำเงิน ขาว มีความสูงถึง 50 เมตร

เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


ทางเข้ามีพญานาคสีทอง ที่ปากบันไดทุกด้าน

ภายในพระมหาธาตุเจดีย์

เหลืองอร่ามด้วยสีทองโดยรอบ


นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบรวมถึงอ่างเก็บน้ำลาดกระทิงในระยะไกล

บนชั้นที่สองและสามภายในองค์พระเจดีย์


บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นด้วยต้นไม้

ถ้าจะเก็บภาพเจดีย์ให้หมด

ต้องถอยมายืนที่โบถส์หลังนี้


ไปต่อกันที่ วัดแก้วพิจิตร จ. ปราจีนบุรี

ด้านข้างวัดจะมี

พิพิธภัณฑ์สถาน วัดแก้วพิจิต

ภายในเก็บวัตถุโบราณที่ชาวบ้านนำมาเก็บรวบรวมไว้

เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านบนเป็นโดม ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย

เช่น ลายพระหัตถ์บนแผ่นหิน

พระพุทธรูปโบราณ

ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน หุ่นจำลองวิถีชีวิตของชุมชน รูปปั้นบุคลสำคัญ พระพุทธรูป เป็นต้น


ทุกอย่างดูเก่าแก่
พอที่จะไม่มีใครเข้ามาเลยสักคน ชั้นสองมีบันไดไม้ผุๆ

ที่เหมือนพร้อมจะพังลงมา

เราเลยตัดสินใจไม่ขึ้นไป

ชั้นล่างก็จะดูวังเวง หน่อยๆ

รอบๆวัดจะเห็นรายละเอียดพระอุโบสถ
มีลักษณะสถาปัตยกรรมภายนอก และการตกแต่งภายในอาคาร
ผสมผสานระหว่างศิลปะไทย จีน ยุโรป และ เขมร

สวยงามและแปลกตา

ซึ่งทำให้นึกถึงศิลปะแบบเดียวกันกับ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ซึ่งประวัติของที่นี่โดยย่อแล้ว มีความเกี่ยวเนื่องกับเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

จากจารึกแผ่นหินภายในบริเวณวัดระบุว่า วัดแก้วพิจิตรสร้างเมื่อ พ.ศ. 2422 ในสมัยรัชกาลที่ห้า โดยนางประมูล โภคา(แก้ว ประสังสิต) เป็นผู้สร้างวัดแก้วพิจิตร ขึ้นบนเนื้อที่ 12 ไร่ 2 งาน 78 ตารางวา ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ ได้สร้างโรงเรียนบาลีธรรมวินัยและหนังสือ เมื่อ พ.ศ. 2454 และในปี พ.ศ. 2461 ได้สร้างอุโบสถขึ้นอีกหนึ่งหลัง พร้อมสร้างพระประธาน


องค์พระประธานดูไม่เหมือนพระองค์ประธานของวัดอื่นๆ

และเราก็ได้พบว่า

พระพุทธรูปองค์นี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงออกแบบ ประทานเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ (ค.ศ. 1921) เป็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิเพชร ยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างระดับบั้นพระองค์ พระหัตถ์ขวา หงายออกในปางประทานอภัย พระหัตถ์ซ้ายหงายขึ้นและวางที่พระชานุ ครองจีวรห่มดองเป็นริ้วแบบ เหมือนจริง การที่พระพุทธรูปองค์นี้แสดงปางประทานอภัยก็น่าจะให้สอดคล้องกับสกุลของผู้สร้าง คือ อภัยวงศ์

มีเสาแบบกรีก ด้านนอกหัวเสาเป็นแบบโครินเธียล

ลักษณะเด่นของพระอุโบสถวัดแก้วพิจิตร เป็นอาคารคอนกรีตที่มีการนำ

ศิลปะไทย (รูปแบบแผนผังอุโบสถ ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ บานประตู หน้าต่าง)

ศิลปะจีน (รูปปั้นมังกรเขียวหน้าจั่ว หลังคาลายมังกร ราวบันไดขึ้นอุโบสถ)

ศิลปะฝรั่ง (เสาแบบโครนเธยน โดมหลังคาโรงเรียนบาลีนักธรรม และภาพวาดรูปชาวต่างประเทศล้อมรอบใต้ชายหลังคาด้านนอกอุโบสถ)

และศิลปะเขมร (รูปแบบหลังคา กำแพงแก้ว ซุ้มประตูแก้ว)
มาผสมผสานกันได้อย่างสวยงามและลงตัว

ฝาผนังด้านนอกมีภาพปูนปั้นตัวละคร ในเรื่องรามเกียรติ์

นอกจากจะได้ชมความวิจิตรของสถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้

เรื่องราวของสถานที่ ยังทำให้ที่นี่ดูทรงคุณค่าอีกด้วย

จากนั้นเรามุ่งหน้ากันไปที่อ่างเก็บน้ำวังบอน ทางเดียวกับทางขึ้นเขาใหญ่ ฝั่งปราจีนบุรี

ก่อนถึงด่านเก็บเงินเข้าอุทยาน

เลี้ยวซ้าย

แต่ด้วยความที่มาในวันหยุด

ที่บางส่วนเต็มไปด้วยเต้นท์

เวลานี้ถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้ว

หาที่ปักหมุดสุดถนน

แล้วเปลี่ยนชุดเตรียมตัวลุย

ลงเรือคายัค

จุดให้เช่าเรือคายัค คนละ 50/ชั่วโมง

ไม่รอช้า

เราก็พายออกไปปปปปสู้เวิ้งน้ำอันไกลโพ้นน

พายไปที่นำ้ตก มีน้ำตกหลายจุดด้วยกัน

จุดที่เห็นในภาพดูเหมือนน้ำไม่แรง

แต่พอเข้าไปใกล้ๆ

เรือโอนเอนตามแรงกระเพื่อมของน้ำ

ลม ละอองน้ำสาดกระเซ็น

แสดงความทรงพลังของน้ำที่มาจากด้านบน

ถึงจะใส่เสื้อชูชีพอยู่ก็เถอะ

ก็ดูท้าทาย แต่ในเวลาเดียวกันก็น่ากลัวอยู่ดี

มีจุดให้ชมน้ำตกหลายจุด

จุดนี้น้ำมากที่สุด

ส่วนจุดอื่นๆ น้ำก็มากน้อยลดหลั่นกันไป

จ๋อมแจ๋มไปเรื่อยๆ

ผืนน้ำกว้างๆ กับความเงียบสงบที่มีเพียงแค่เรา

ที่ลอยคว้างอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อม

เย็นๆ ได้เวลารังสรรค์เมนูอาหาร

เช้าๆ ออกมาเดินเล่น

ผู้คนบางส่วนเก็บข้าวของ

บางส่วนเตรียมอาหารเช้า

บางส่วนก็ยังนอนเพลินๆในเต้นท์

ส่วนเราไม่เร่งรีบเดินเลาะเลียบ

ชมความสดชื่นของธรรมชาติไปเรื่อยๆ

แล้วก็ได้เวลาอาหารเช้า เตรียมตัวเก็บของแล้วก็ออกเดินทางต่อ

แวะที่วนอุทยานน้ำตกเขาอีโต้

บริเวณใกล้เคียง

มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง

เช่น อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ น้ำตกเขาอีโต้ น้ำตกไทรทอง เนินพิศวงฯลฯ ซึ่งภายในวนพุทธอุทยานนี้
มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และจุดกางเต้นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อน

มีเส้นทางเดินเท้าสู่จุดชมทิวทัศน์"ผาหินซ้อน"

นักปั่นจักรยานมาที่นี่ เพื่อปั่นขึ้นเขาอีโต้กันเยอะมาก
ระหว่างทางจะมีศาลาพักรอสำหรับพักผ่อนอยู่

ปิดท้ายช่วงค่ำด้วยการไปดูหิ่งห้อยที่ ค่ายพรหมโยธี

ซึ่งช่วงที่ไปเป็นช่วงที่หิ่งห้อยออกมาหาคู่พอดี

ใครจะไปดูควรตรวจเช็คข้อมูลก่อนออกเดินทาง

คนไปเยอะมาก

หิ่งห้อยก็เยอะมากเช่นกัน

ภาพที่ถ่ายมาได้ เป็นหิ่งห้อยที่บินผ่านหน้าเราไป

ส่วนที่กระจัดกระจายในป่า

เห็นเป็นดวงไฟเล็กๆ ก็ถ่ายไม่ติด

เดือนที่ไปดูพระจันทร์นี่สว่างนวลเลย

เลยได้แค่นี้

เก็บไว้ได้เพียงความสวยงามในความทรงจำจริงๆ

จะว่าไปแล้วที่นี่ให้ความตื่นเต้นน้อยกว่าการเจอหิ่งห้อยในอัมพวาเสียอีก

ทั้งๆที่นี่มีเยอะกว่าในอัมพวา อาจจะเป็นเพราะว่าคนเยอะ ถึงเยอะมาก

บางคนพยายามจะเอามือถือมาถ่าย

บางครั้งแสงแฟลตก็อาจจะไปรบกวน

ซึ่งขนาดตั้งกล้องสองสามนาทีก็แล้ว

ยังเห็นได้แค่เพียงจุดเป็นเส้นในความมืด

แต่ที่นี่ก็นับว่าเป็นอาณาจักรหิ่งห้อยขนาดใหญ่ในสวนป่าติดริมถนนอย่างนี้

อุดมสมบูรณ์จนเป็นที่อยู่ของหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน

จนน่าประทับใจ

ไม่ได้คาดหวังว่าการมาครั้งนี้จะมีรูปกลับไปรึป่าว

แต่คาดหวังกับการนั่งดูฝูงหิ่งห้อยออกมาจับคู่กระจายทั่วป่า

ท่ามกลางความมืด และความเงียบสงบ

ที่นี่แหละอะเมซิ่งที่สุดแล้ว







กดติดตามกันได้ที่

>>>>ไปเที่ยวกัน


หยิกหมอก หยอกดาว นอนหนาวบนเขา

โฮมสเตย์กลางป่าหิ่งห้อย

ไปเดินเล่นกันที่ พิพิธภัณฑ์พระราม 9

กางเต้นท์ริมเล นอนเซฟังเสียงคลื่น

ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม

พายคายัควังบอน นอนเต้นท์เล่นน้ำตก

กางเต้นท์กัน จันทบุรี

กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 1

กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 2 ตามล่าหาติ่มซำ

กว่าจะถึงภูเก็ต ตอนที่ 3 บทส่งท้าย

จากโคราชถึงปากช่อง...ที่เที่ยวลับๆ ที่น้อยคนนักเข้าไม่ถึง

สัมผัสบรรยากาศความสุขที่ Hotel J Pattaya วันหยุดธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา // รีวิวที่พัก ที่เที่ยว ที่กินแบบจัดเต็ม

เลเจนด์ สยาม ความงามแบบฉบับไทยๆ

ยิ่งรู้จัก ยิ่งหลงรักเมืองลำปาง

เติมความสุขอิ่มแปล้ ณ สะพานแพ โฮมสเตย์

เที่ยว อิต่อง เหมืองปิล๊อค น้ำตกจ๊อคกระดิ่น กางเต้นท์ที่ทองผาภูมิ

นอนเต้นท์ เล่นน้ำตกวังตะไคร้

กาลครั้งหนึ่ง ที่หัวหิน

สุดท้าย ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.thongteaw.com/Travel_tour_content_%E0%B...

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E...



แมวเหมียว ไปเที่ยวกัลลลล

 วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.09 น.

ความคิดเห็น