กาญจนบุรี มีอะไรให้น่าเที่ยว กับโฮสเทล สไตล์ชิโนโปรตุกีส

ไป กาญ กัน..

กาญจนบุรี ดินแดนตะวันตกอันมีน้ำตกเลื่องชื่ออย่างน้ำตกเอราวัณ

และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายกระจาย
ทั่วทั้งจังหวัด

ครั้งนี้ เรามาปักหมุด กันในตัวเมืองกาญ

มาย้อนรอยอดีตสมัยครั้งหนึ่ง
ที่ขับรถขึ้นเหนือล่องใต้ได้เป็นวันๆ

เราจองที่พักง่ายๆสไตล์โฮสเทล

ใกล้ๆสะพานข้ามแม่น้ำแคว ห่างกันไม่ถึงห้ากิโล
และสถานีรถไฟกาญจนบุรีเพียง 3 กิโล

นับว่าสะดวกมากๆ หากคุณชิลที่เดินทางด้วยรถไฟสายหวานเย็น ชมธรรมชาติและปล่อยเวลา
ให้เดินอย่างอ้อยอิ่ง หากขับรถยนต์มา ก็สามารถมาถ่ายรูปกับมุมต่างๆ สัมผัสรถไฟโบราณใกล้ๆ

ให้เราได้เก็บภาพสวยๆได้อีก

ที่นี่เป็นโฮสเทลที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ด้วยสไตล์การตกแต่งที่มองแว้บเดียวก็พอจะรู้ได้ว่า

เจ้าของเป็นคนละเอียด ช่างเลือก และตกแต่งได้สวยเป็นเอกลักษณ์
สไตล์สถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส

ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเก่าที่พบเจอแค่ในจันทบุรี ภูเก็ต และชุมชนปากแพรก กาญจนบุรี หน้าฟร้อนคุมโทนด้วยสีพาลเทลที่เห็นแล้วสบายตา กับจุดพักผ่อน
เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อย ที่เป็นแจกัน ดอกไม้ เก้าอี้ เอาเป็นว่านั่งมุมใหนถ่ายรูปก็ดูสวย

เช็คอินกันแล้วก็ขึ้นไปพักผ่อนก่อนขึ้น
บรรไดมีรองเท้าสลีปเปอร์ให้เปลี่ยน
เดินไม่ใส่รองเท้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความสะอาด

ห้องเราอยู่ชั้น 4 ห้อง Family Room ซึ่งเป็นในส่วนของห้องไพร์เวท

ห้อง Family Room / 4 คน ราคา 1950 -รวมอาหารเช้า-

มีเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ กับเตียงสามฟุตครึ่งสองชั้น
ทุกชั้นคือมีโคมไฟของตัวเอง สะดวกและเกร๋มาก
สิ่งอำนวยความสะดวก
ทีวี ที่แขวนผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม โคมไฟ ตู้เซฟ
จุดเด่นคือจะได้ห้องที่มีขนาดใหญ่ และมีเก้าอี้โซฟาไว้นั่งพักผ่อน
ห้องน้ำมีเชาเวอร์ขนาดใหญ่ ที่เห็นจะชอบก็จะเป็นไดร์เป่าผมกับทีวี
และเก้าอี้โซฟาที่นั่งแล้วไม่อยากจะลุก เตียงคือนุ่มสบายมากๆและหมอนก็นุ่มจนเผลอหลับไปตื่นมาอีกที เด็กน้อยก็พร้อมจะลงเล่นน้ำด้วยตาเป็นประกาย อากาศเย็นๆ ก็เล่นจนสั่น

Deluxe Room / 2 คน ราคา 1,250 -รวมอาหารเช้า-
เตียงเดี่ยวขนาดใหญ่
สิ่งอำนวยความสะดวก ทีวี ที่แขวนผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม โคมไฟหัวนอน
กระจกตั้งพื้นขนาดใหญ่ ห้องน้ำในตัว ม่านสองชั้นให้ความสว่าง น่าอยู่

Standard Room / 2 คน ราคา 1,100 -รวมอาหารเช้า-
ห้องเตียงใหญ่ พื้นที่น้อยกว่าห้องแรก แต่เครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนกับห้อง Deluxe room

ส่วนชั้นสองและสามก็จะเป็นห้องรวม ห้องน้ำแยก ซึ่งเหมาะมากๆสำหรับมากันเป็นกลุ่ม แก๊งค์เพื่อน แต่ละเตียงจะมีฉากกั้น ม่าน เป็นส่วนตัวมากๆ พร้อมกับโคมไฟส่วนตัวของแต่ละเตียง มีล้อคเกอร์ ปลั้กไฟ ไม้แขวน สามารถขอกุญแจล้อคได้
ตอนเช็คอิน

ห้อง 4 Bed Dormitory Room 420/คน -รวมอาหารเช้า- เหมาห้องราคา 1,600
เป็นเตียงสองชั้น ฝั่งละ สองเตียง ใต้เตียงมีช่องให้เก็บของได้ด้วย
มีชั้นวางปลายเตียงที่สามารถปรับพับขึ้น ลงได้
ห้องน้ำแยกเป็นห้องอาบน้ำและห้องส้วม ห้องน้ำแบ่งฝั่งชาย หญิง
ห้อง 10 Bed Dormitory Room 420/คน -รวมอาหารเช้า- เหมาห้องราคา 3,750

ฝั่งนึงเป็นเตียงสองชั้นมีสี่เตียง คล้ายกับตู้รถไฟชั้นนอนม่านจะอยู่ด้านข้างเตียง
  อีกฝั่งจะมีแปดเตียง มีม่านปิด
  ปลายเตียง
  ห้องน้ำจะมีห้องอาบน้ำสองห้อง ห้องส้วม 2 ห้อง อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่
  โคมไฟและไดร์เป่าผม
  มีเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อมด้วยสบู่เหลว แชมพู
  ห้องน้ำแบ่งฝั่งชาย หญิงเช่นกัน

ประตูห้องน้ำเป็นแบบบานพับสองบานเข้าหากัน

ซึ่งราคาข้างต้นไม่รวมวันหยุดยาว และราคามีปรับเปลี่ยนตามฤดูการท่องเที่ยว
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Latima boutique hostel

เย็นๆเหมาะกับการมาว่ายน้ำ พร้อมกับเก็บภาพความสุข

แพลนวันนี้เราจะไปกินข้าวเย็นที่หาดชุกโดนเป็นอันล้มเลิกไปเพราะอยากแวะไปดูแสงเย็นที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เราจอดรถที่ๆคล้ายเป็นตลาดอัญมณี ซึ่งปิดทุ่มนึง
เกือบเอารถออกมาไม่ทัน โชคยังดีที่คนปิดยังคอยอยู่
นักท่องเที่ยวเยอะพอดู
เนื่องจากวันหยุดยาว

เราเดินข้ามไปพร้อมกับลุ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่ต้องผ่านเส้นทางนี้
ซึ่งเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยว ใช้สัญจรดูวิวทิวทัศน์ ถ่ายรูป พร้อมๆกับคอยหลบรถไฟที่ค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านไป
ฝั่งโน้นเป็น ตลาดเชลยศึก มีลานเบียร์ พร้อมดนตรี
ซึ่งเข้ากับบรรยากาศเย็นๆ ริมแม่น้ำแควได้ดีทีเดียว
มีร้านขายอาหาร ลานนั่งกินอาหารเย็น เปิดตอนเย็นถึงสี่ทุ่ม
เราแวะกินข้าวเย็นที่นี่

แล้วก็ได้เวลาพักผ่อน ก่อนกลับเข้าห้อง ขอสักภาพ สองภาพ

ตื่นสายๆลงไปกินข้าวเช้า
มาเป็นเซตข้าวต้ม
อร่อยมาก มาพร้อมกับชุดผลไม้ส้มหวานฉ่ำ
อิ่มจนอยากลงไปนอนกลิ้งเกลือก

ห้องอาหารมีขนมผลไม้สามารถมาฝากท้องได้ตลอดเวลา

แอบมาถ่ายรูปเล่นหน้าฟร้อน บังเอิญเจอเจ้าของโฮสเทล
พี่เค้าแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ตอบทุกคำถาม พร้อมเล่าประวัติของโฮสเทลได้อย่างน่าสนใจ
บอกได้คำเดียวเลยว่า พี่เค้ารสนิยมดีและใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ

เช็คเอ้าออกสิบเอ็ดโมง ไปคาเฟ่ กานมาชิ เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งด้วย
คนแน่นๆๆแถวยาวออกมาจนล้นประตู

ที่นี่ติดท้อปฮิตคาเฟ่ที่น่ามาแวะ เพราะสไตล์การตกแต่งร้านที่เหมือนอยู่ญี่ปุ่นจริงๆ
บางคนแต่งชุดที่เข้ากับบรรยากาศ ตรงข้ามจุดสั่งอาหารเป็นโซนที่นั่งในห้องแอร์
แต่ไม่มีคนเดินเข้าไป ไม่แน่ใจว่าปิดโซนนี้รึเปล่า ด้านหลังมีพื้นที่นั่งพื้นแบบญี่ปุ่น
ในส่วนของเอ้าดอร์จะเห็นสวนและสระน้ำ มีสะพานแดงเล็กๆให้เป็นมุมถ่ายภาพ
มีฉากหลังเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่น

ด้านข้างสามารถเดินทะลุไปได้เป็นมุมให้เก็บภาพ คนเยอะ
แนะนำวันธรรมดาหรือไม่ใช่วันหยุดยาว ถ้ามาเป็นช่วงเย็นๆจะดีมากทั้งแสงและบรรยากาศ

แวะกันอีกที่ ที่โรงงานกระดาษกาญจนบุรี
ที่นี่กำลังจะถูกโปรโมทให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
พี่ที่โฮสเทลแนะนำมา
มาถึงเราพบความอลังการงานสร้างของโรงงาน ที่หลงเหลือแค่ความเก่าโบราณ

แดดเปรี้ยง แต่ไม่ได้ทำให้ความหลอนลดลงเลย

ทุกที่คนเยอะ ยกเว้นที่นี่
ต้องลองเอาตัวมาสัมผัส บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ

แวะรักษ์นาคาเฟ่ก่อนกลับ เหมาะสำหรับมากินอาหารกลางวัน มีเมนูก๋วยเตี๋ยว
คนเยอะมากอีกตามเคย เลยได้แค่เก็บภาพมาฝากกัน
ท้องนาสีทองใกล้ได้เวลาเก็บเกี่ยวอยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ
ขับเลยวัดถ้ำเสือมาประมาณกิโลกว่าๆก็ถึง

ที่จอดรถมีไม่มาก บางส่วนเลยจอดรถไว้ที่วัดแล้วเดินมา หรือถ้าเวลาเหลือจะไปเดินชมวัดถ้ำเสือก็ได้ ซึ่งควรใช้เวลา 1-2 ชม.จากนั้นก็เดินทางกลับ

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการแวะตลาดน้ำลำพญา มีหลายร้านให้ใช้สิทธิ์คนละครึ่งเยอะไปหมด
คนไม่แน่นเท่าตลาดดอนหวาย

และที่แน่ๆ ถูกใจเด็กน้อยแน่นอน ให้อาหารปลาได้เพลินๆจนไม่อยากกลับบ้านเลย

ทริปนี้ยังไม่จบจะเขียนให้จบก็จะยาวเกินไป
ไว้มีภาคสอง เราไปเที่ยวต่อกันที่เมืองใกล้ กทม
ไปเจอร้านข้าวธรรมดาที่คนท้องถิ่นแนะนำ
รสชาติไม่ธรรมดากับความเด็ดดวงของร้านขนมปังที่บังเอิญเจอ

กดติดตามกันได้ที่

>>>>ไปเที่ยวกัน

หยิกหมอก หยอกดาว นอนหนาวบนเขา

โฮมสเตย์กลางป่าหิ่งห้อย

ไปเดินเล่นกันที่ พิพิธภัณฑ์พระราม 9

กางเต้นท์ริมเล นอนเซฟังเสียงคลื่น

ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม

พายคายัควังบอน นอนเต้นท์เล่นน้ำตก

กางเต้นท์กัน จันทบุรี

กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 1

กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 2 ตามล่าหาติ่มซำ

กว่าจะถึงภูเก็ต ตอนที่ 3 บทส่งท้าย