ในส่วนตอนที่ 2 นี้จะเป็นรายละเอียดและรีวิวการไปเที่ยวเมือง UNESCO ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) แบบเช้าไปเย็นกลับ ทำได้ไม่ยากค่ะ แต่จะใช้เวลาเดินทางนานหน่อย

ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรกสามารถไปตำกันที่ลิ้งก์นี้ได้เลยค่ะ https://th.readme.me/p/39977 

ถ้าพูดถึงออสเตรีย ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) จะเป็นเมืองต้นๆ ที่ทุกคนพูดถึง ซึ่งในแต่ละฤดูจะมีความสวยงามแตกต่างกัน เราไปเที่ยวออสเตรียช่วงหน้าหนาวพอดี จากที่ลองหารูปตัวอย่างดูในเว็ปไซต์ รู้สึกว่มันไม่ได้สวยมากเท่าฤดูอื่น แต่เราสามารถลายาวๆ แต่เราลางานยาวๆ ได้แค่ช่วงนี้เท่านั้น เลยไปแค่เพื่อสัมผัสบรรยากาศเฉยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรมากค่ะ

การเดินทางด้วยรถไฟ

ตัวเลือกของเรามีอยู่ 2 แบบ คือ เดินทางไปจาก Vienna หรือ Salzburg รายละเอียดการเดินทางและซื้อตั๋วรถไฟสามารถอ่านได้ในตอนที่ 1 ค่ะ

  1. เดินทางจาก Vienna ไป
    1. ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟ ÖBB เวลาประมาณ 3-5 ชม. แล้วแต่ขบวน
    2. ค่ารถไฟต่อขาต่ำสุดที่เจอคือ 19.9 EU ต้องซ้อล่วงหน้า แต่ละขบวนมีจำนวนตั๋วจำกัด
    3. หากต้องการไปแบบเช้าไปเย็นกลับ ควรเลือกรอบเช้าตรู่ เผื่อเวลาเที่ยวไว้สัก 3-4 ชมก็พอ แต่ถ้าต้องการไปทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วย เดินทางเช้าไปเย็นกลับจากเวียนนาอาจไม่ค่อยเหมาะค่ะ
    4. ไปถึงสถานี Hallstatt แล้ว ต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังตัวเมืองราคา 3.5 EU /เที่ยว/คน รอบเรือเฟอร์รี่จะอิงตามเวลาที่รถไฟแล่นมาถึงสถานี ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องรอนาน
  2. เดินทางจาก Salzburg ไป
    1. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชม. มีขบวนรถไฟให้เลือกมากกว่าเดินทางจากเวียนนาไป
    2. ค่ารถไฟต่อขาต่ำสุดที่เจอคือ 9.9 EU ต้องซื้อล่วงหน้าถึงจะได้ราคานี้ แต่ละขบวนมีจำนวนตั๋วจำกัด
    3. เดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับได้สะดวกกว่า
    4. คาดว่ายังต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากราคา 3.5 EU /เที่ยว/คน อยู่เพราะสถานีรถไฟมีแค่ฝั่งนี้ฝั่งเดียวเท่านั้น 

เดิมทีเราอยากจะเดินทางจาก Salzburg ไป แต่ติดตรงที่ว่าค่าที่พักใน Salzburg แบบห้องส่วนตัวแพงมาก จะนอนแบบห้องนอนรวมช่วงนี้ ก็กลัวจะติดโควิดจากนักท่องเที่ยวคนอื่น ทำให้บินกลับประเทศไม่ได้ ต้องอยู่กักตัวที่ยุโรปต่อ เราเลยเลือกเดินทางเช้าไปเย็นกลับจากเวียนนาแทน 

การเดินทางด้วยรถบัส

ตอนหาข้อมูล เห็นว่าสามารถเดินทางไป Hallstatt ด้วยรถบัสได้ด้วย รถบัสจะไปจอดที่ฝ่งเมือง Hallstatt เลย ไม่ต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามท่า 

  1. นั่งรถไฟ Westbahn จากเวียนนาไปลงที่ Attnang Puchheim แล้วต่อรถบัสอีก 2 ต่อไป Hallstatt 
    1. นอกจากค่าเดินทางจะแพงกว่าจองตั๋วรถไฟ  ÖBB ล่วงหน้าแล้วยังใช้เวลาเดินทางนานกว่าด้วย 
  2. นั่งรถบัสจาก Salzburg ไป Hallstatt
    1. เห็นรีวิวว่ามี แต่เราหาข้อมูลไม่เจอว่าช่วงนี้ยังเปิดอยู่หรือเปล่า

ตอนที่เราไป เป็นช่วงที่หิมะตกพอดี สภาพอากาศจึงทึมๆ ถ่ายรูปออกมามีแต่คนทักว่า นี่ถ่ายรูปขาวดำเหรอ ถือว่าได้วิวอีกแบบหนึ่ง แต่ข้อเสียของมันคือ...หาที่นั่งเล่นยากมากกกกกกกกกก พวกเก้าองเก้าอี้โดนหิมะถมหนาหมดเลย เส้นทางรถวิ่งจะมีการโกยหิมะออกเป็นระยะๆ แต่ถ้าออกนอกเส้นทางเดิน เหยียบทีคือเท้าจมไปครึ่งแข้งค่ะ 555 ก็เลยเดินไปเดินมาแบบไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่

บรรยากาศตอนเดินเล่นในเมือง 

ตอนเดินอยู่ก็คิดว่า ถ้าหมอกลงหนากว่านี้อีกหน่อย และนักท่องเที่ยวไม่มีเลยนี่ คงเหมือนอยู่ในหนังเรื่อง The mist 

แต่ถ้าจู่ๆ มีเสียงหวูดดังขึ้นมาอีกล่ะก็ นี่มันหนังเรื่อง silent hill นี่นา 555


เราบังเอิญเจอกับนักเรียนเกาหลีที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่คนเดียวเหมือนกัน เลยผลัดกันถ่ายรูปให้กัน เรือข้ามฟากบอกเขาว่า ถ้าหิมะตกแบบนี้ทั้งวัน ตอนบ่ายเรืออาจจะต้องหยุดวิ่ง เราก็แบบ ตายล่ะหว่า นี่ต้องนั่งรถไฟกลับ ถ้าเรือข้ามฟากหยุดวิ่งที่แย่เลยนะ เราเดินเล่นอยู่ประมาณสองสามชม. ก่อนจะนั่งเรือข้ามฟากกลับไปที่สถานีรถไฟก่อนเวลา แล้วเดินเล่น นั่งเล่นอยู่แถวนั้น

ความพีกคือ พอเราข้ามเรือกลับมาไม่นาน หิมะที่ตกมาตั้งแต่เช้าก็หยุดตก แล้วฟ้าคือใสมากกกกกกกกกกก แล้วนี่ชั้นจะนั่งกลับมาก่อนเพื่ออาไรรร้

วิวที่เราถ่ายหลังจากนั่งเรือกลับมาแล้ว

ตรงสถานีรถไฟจะมีห้องนั่งรอที่มีฮีตเตอร์อยู่ข้างในให้ความอบอุ่น เราจึงพักอยู่ในห้องนี้เวลาที่หนาวมากๆ พออุ่นแล้วจึงออกไปเดินเล่นถ่ายรูปนั่นโน่นนี่ไปตามเรื่อง

สถานีรถไฟ ทางเดินเล็กๆ ด้านซ้ายจะเป็นทางลง 

ถ้าเดินตามทางลงไปเรื่อยๆ จะไปเจอท่าเรือ

แต่ถ้าเลี้ยวซ้าย แล้วเดินเลียบไปตามทาง เราจะได้วิว Hallstatt ระยะไกลอีกวิวหนึ่งค่ะ

ถ้าเปิดประตูเล็กๆ ข้างสถานีเข้าไป ก็จะเป็นห้องรอรถไฟที่มีฮีตเตอร์อยุ่ ช่วยคลายหนาวได้มากเลย


กิจกรรมที่สามารถทำได้ที่นี่คือ การขึ้นไปถ่ายรูปแบบ 360 องศาที่ Skywalk ข้างบน ชมเหมืองเกลือ และ Trekking แต่ตอนที่เราไป ทุกที่มันปิดหมดเลย 555 เหมืองเกลือจะปิดตอนหน้าหนาว Skywalk จะเปิดวันเสาร์ที่จะถึง ตอนแรกเราว่าจะไปวันเสาร์นั้นเลยแหละ แต่เราจองกระชั้นชิดเกินไป ค่ารถไฟเลยแพงหูดับตับไหม้จนต้องยอมไปวันอื่นแทน

จบตอนที่ 2 ค่ะ

รีวิวทั้งหมดในซีรีส์นี้มีทั้งหมด 10 ตอนค่า

1 การเดินทางในออสเตรีย และโปแลนด์ https://th.readme.me/p/39977
2 เมือง UNESCO ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เช้าไปเย็นกลับก็ทำได้ https://th.readme.me/p/39994
3 เดย์ทริป Wachau Valley และ Melk Abbey UNESCO 2 แห่งระหว่างเมือง Melk Dürnstein และ Krems https://th.readme.me/p/39997
4 เดย์ทริปไป Budapest เยี่ยมชม Buda castle และโรงพยาบาลใต้ดิน Hospital in the Rock Nuclear Bunker Museum https://th.readme.me/p/39998
5 เดย์ทริปไป Kutna Hora แวะชม Sedlec Ossuary โบสถ์โครงกระดูกอันโด่งดัง กับประสบการณ์ตกรถไฟคนเดียวที่เช็ก! https://th.readme.me/p/40003
6 สองวันในเวียนนา ลัลล้าใน Museum of natural history และ ทำความรู้จักกับ Sisi ใน Hofburg palace และ Schonbrunn palace https://th.readme.me/p/40004
7 ยินดีต้อนรับสู่เมืองคราคุฟ เมืองที่ถูกย้อมด้วยเลือดของชาวยิว เยี่ยมชม Oskar Schindler's Enamel Factory Rynek Underground ใน Kraków โปแลนด์ https://th.readme.me/p/40102
8 ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์แห่งความตาย Auschwitz and Birkenau concentration camps และเหมืองเกลือ Wieliczka Salt Mine https://th.readme.me/p/40103
9 เดย์ทริปไป ปราสาทมาลบอร์ก UNESCO ปราสาทยุคกลางที่มีพื้นที่มากที่สุดในโลก Malbork castle Poland https://th.readme.me/p/40104
10 2 วันในวอร์ซอ เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชาวยิวที Polin Museum และเดินเล่นที่ Łazienki Park https://th.readme.me/p/40105

Duck's journey

 วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.03 น.

ความคิดเห็น