สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้าสามารถไปตำกันที่ลิ้งก์นี้ได้เลยค่ะ https://th.readme.me/p/39977

ส่วนลิ้งก์ตอนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะแปะไว้ท้ายบทความนะคะ

คราคุฟคือเมืองอะไรกันหนอ

หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้เท่าไหร่ แต่เชื่อว่าหลาย คนคงเคยได้ยินชื่อ ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์มาก่อน ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์เป็นค่ายกักกันที่ใหญ่ที่สุดของนาซี และคร่าชีวิตคนไปหลายล้านคน เราจะเดินทางไปค่ายนี้จากเมืองคราคุฟนี่แหละค่ะ นอกจากค่ายกักกัน เมืองนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับช่วงสงครามโลกและการสังหารหมู่ชาวยิว และยังเป็นฉากของภาพยนตร์เรื่อง Schindler's List อีกด้่วย

เราเดินทางด้วยรถไฟข้ามคืน (และข้ามประเทศ) จากเวียนนามายังเมืองคราคุฟ ทางใต้ของประเทศโปแลนด์ ด้วยที่นั่งชั้นประหยัด ที่นั่งจะแบ่งเป็นห้องๆ ห้องหนึ่งจุได้ 6 คน ค่อนข้างแคบ กระเป๋าเดินทางต้องยกขึ้นไปไว้บนชั้นเหนือที่นั่ง โชคดีที่ในห้องเรามีผู้ชายหนึ่งคน เขาจึงอาสายกกระเป๋าของทุกคนขึ้นไปไว้เหนือชั้นให้

เราจองรถไฟผ่านแอป ÖBB อีกเช่นเคย และได้ราคาที่ 9.9 EU หรือประมาณ 380 บาท/ขา/คน ถือว่าถูกมากสำหรับการนั่งรถไฟ 7 ชั่วโมงข้ามประเทศ เราสังเกตว่าเวลาจองรถไฟ ÖBB หากมีต้นทางหรือปลายทางเป็นเมืองใดเมืองหนึ่งของออสเตรีย จะมีตั๋วราคาพิเศษปล่อยมา แต่ถ้าเราหาตั๋วรถไฟที่มีต้นทางและปลายทางอยู่ประเทศอื่น จะเป็นตั๋วราคาเต็ม ไม่มีส่วนลด และค่อนข้างแพงด้วย

ข้อเสียของรถไฟข้ามคืนคือ เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วจะชอบมาตรวจบ่อยๆ บ่อยมาก บ่อยสุดๆ อาจเพราะมันผ่านหลายประเทศ เจ้าหน้าที่ของแต่ละประเทศ แต่ละจุดก็จะขึ้นมาตรวจตามหน้าที่ คืนนั้นเราต้องให้เจ้าหน้าที่สแกนตั๋วไปประมาณ 4-5 ครั้งนี่แหละ

เรื่องหนึ่งที่เราสังเกตเห็นก็คือ คนตะวันตกที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกับเรา...นอนหลับนกไม่ได้ แบบเราค่อนข้างชินกับการนั่งหลับ หัวอาจจะมีเอียงไปเอียงมาอยู่บ้างในบางครั้ง แต่คนอื่นๆ ในห้องคือแบบ ทุกคนจะต้องหาทางฟุบ หรือเอียงตัวเข้าหาอะไรบางอย่างตลอด ให้คล้ายกับการนอนบนเตียงที่สุด – แต่จะปวดหลังเอาน่ะสิ

การเดินทางออกจากสถานีรถไฟ/สถานีรถบัสในคราคุฟ

มองหาป้ายที่ระบุว่าไปถนน แล้วเดินตามป้ายไปเลยค่ะ มันจะทะลุห้าง ไปออกที่ถนน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Old town เลย แนะนำว่าอย่าเดินตามกูเกิ้ลแมปไป มันจะพาเราเดินวกไปวนมาในเลนถนนรถบัสวิ่งข้างใน

ให้เดิตามป้ายที่บอกว่าไป ul.Pawia หรือ ถนน Pawia ถนนนี้จะอยู๋ติดกับ Old town เลย

เมื่อเดินตามป้าย จะทะเลมาออกห้างสรรพสินค้านี้

จุดฝากกระเป๋าในสถานีรถไฟ

จุดฝากกระเป๋าจะมี 2 แาบบ 

1.แบบตู้อัตโนมัติ - ราคาโดยรวมจะแพงที่สุด ข้อดีคือสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชม. แต่จะสามารถเปิดตู้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากต้องการเปิดตู้มาเพื่อเก็้บของเข้าไปแล้วฝากต่อ จะต้องจ่ายค่าฝากอีกครั้ง

หากจะกระเป๋าเดินทางไซส์ 25 นิ้วของเรา ต้องใช้ฝากขนาดใหญ่ ราคา 12 Zloty

2.แบบห้องฝาก - เมื่อเราหันหน้าเข้าหาจุดขายตั๋วรถไฟ ห้องนี้จะอยู๋ฝั่งซ้ายสุด ข้อดีคือราคาถูกกว่าแบบแรก สามารถเอากระเป๋าเข้าออกได้หลายครั้งขณะฝาก แต่เจ้าหน้าที่จะอยู่ช่วง 9-20 น.เท่านั้น.

เราฝากกระเป๋ษเดินทางด้วยวิธีนี้ จ่ายเงินเพียง 8 Zloty เมื่อมารับกระเป๋าคืน

หมายเหตุ: เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีใจบริการเท่าไหร่นัก อย่าคาดหวังเยอะนะคะ 

ร้านแลกเงินในคราคุฟ

ภาษาโปแลนด์คือ Kantor ร้านไหนที่มีคำนี้ติดอยู่หน้าร้าน หมายความว่ารับแลกเงินค่ะ

ร้านแลกเงินเรทดีในคราคุฟที่โรงแรมเราแนะนำมาคือ ร้าน Grosz อยู่ตรง Old town ไม่ไกลกับจตุรัสกลางมากนักค่ะ ร้านนี้จะโชว์ทั้งราคาซื้อและราคาขาย จากที่ลองแวะไปส่องร้านอื่นดู บางร้านจะโชว์แค่ราคาขายอย่างเดียว แต่พอถามราคาซื้อ เรทกลับต่างกับ Grosz เยอะอยู่

เราแลกเงินนิดหน่อย ติดกระเป๋า เผื่อบางที่ไม่รับบัตรจะได้มีเงินสดไว้จ่าย แต่เอาเข้าจริงก็แทบไม่ได้ใช้เลยค่ะ ลงท้ายก็ต้องหาร้านแลกคืนที่วอร์ซออยู่ดี

ประตูหน้าร้าน ข้างในมีป้ายบอกราคาซ์้อขายเงินตรา

ซุปเปอร์มาเก็ต

Biedronka – เป็นซุปเปอร์มาเก็ตที่สินค้าถูกที่สุด เราเข้าที่นี่ตลอด ลองเทียบราคาสินค้ากับซุปเปอร์แบรนด์อื่นแล้ว สินค้าชิ้นเดียว แต่ราคาถูกกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด

ราคาสินค้าในซุปเปอร์ของที่นี่จะติดอยู่เหนือสินค้า ไม่ได้ติดอยู่ล่างสินค้าแบบที่ไทยเรานะคะ

ของดีเมืองคราคุฟ

เพรสเซล

ที่นี่ดังเรื่องเพรสเซลค่ะ ไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกัน แต่เห็นแทบทุกที่จะมีร้านเพรสเซลขาย ราคาไม่แรง เพรสเซลชิ้นใหญ่บีกบึ้มราคาอยู่ที่ 2.5-4 Zloty หรือประมาณ 25-40 บาทเท่านั้นเอง ส่วนรสชาติก็แล้วแต่รสชาติและร้านที่ซื้อค่ะ

เพรสเซลรูปบนราคา 3.5 Zloty ส่วนรูปล่างราคา 2.5 Zloty ใหญ่ชนิดกินแทนข้าวได้เลยจ้า

รถเข็นขายเพรสเซลที่หาเจอตามท้องถนน พอเย็นๆ ของก็หมดแล้วค่ะ 

ไอติม

เป็นร้านไอติมแบบครอบครัวค่ะ รีวิวว่าอร่อยอยู่ โรงแรมที่เราพักเขาแนะเนำมา แต่ว่าช่วงที่ไปเป็นหน้าหนาว เขาเลยไม่ขายไอติม ขายแค่โดนัทค่ะ อดไป ใครที่มีโอกาสแวะไปอย่าลืมไปลองชิมดูนะคะ


ที่เที่ยว

เราอยู่ที่คราคุฟ 4 วันเต็มๆ ใครที่มีเวลาน้อย ควรอยู่ที่นี่สัก 2-3 วันค่ะ ที่เที่ยวดังๆ ของที่นี่จะมีอยู่ประมาณ 4 ที่ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันเต็มแล้ว ได้แก่ ค่ายกักกัน Auschwitz-Birkenau, เหมืองเกลือ Wieliczka Salt Mine, โรงงานของอ็อสคาร์ ชินด์เลอร์ Oskar Schindler's Enamel Factory และ พิพิธภัณฑ์ใต้ดิน Rynek underground

ค่าเข้า

ทุกที่เที่ยวที่เราไปสามารถจองตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ได้

1.พิพิธภัณฑ์ในเมืองคราคุฟ

ต้องจองผ่านเว็ปไซต์ https://muzeumkrakowa.pl/en/branches ในเว็ปไซต์จะระบุค่าเข้า วันเวลาเปิดปิด วันที่เข้าฟรี และรายละเอียดอื่นๆ

พิพิธภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะมี 1 วันในสัปดาห์ที่เข้าฟรี ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวันจันทร์ถึงพฤหัส เพราะฉะนั้น แนะนำให้มาช่วงนี้ค่ะ โชคดีที่แพลนเที่ยวคราคุฟเราอยู่ในช่วงวันจันทร์ถึงพฤหัสพอดี เราจึงจองตั๋วฟรี แล้วเข้าพิพิธภัณฑ์ทุกที่ “ฟรี” หมดเลย

วิธีจองตั๋วคือกดสัญลักษณ์รูปตั๋วด้านบน แล้วกดเลือกพิพิธภัณฑ์ที่ต้องการจะจอง พอไปถึงหน้าจองจะมีรอบเวลาให้เลือก แนะนำให้เลือกรอบที่ใกล้เคียงกับแพลนเรามากที่สุดค่ะ แต่พอไปถึงพิพิธภัณฑ์จริงๆ เขาไม่ได้เคร่งครัดอะไรกับรอบจองมากนัก สามารถออกตั๋วฟรีได้ก่อนหรือหลังเวลาที่จองไว้ เราเคยไปสาย หรือไปถึงก่อนเวลาเป็นชั่วโมงๆ ก็ยังออกตั๋วฟรีได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร

ตั๋วฟรี

ไม่ว่าจะเป็นตั๋วฟรีหรือตั๋วเสียเงิน ก็สามารถจองล่วงหน้าได้ประมาณเดือนหนึ่ง เมื่อจองแล้วจะมีอีเมลส่งมายังเมลที่เรากรอกข้อมูลไว้ เราต้องกดยืนยันการจองผ่านเมลนั้นอีกที จึงจะถือว่าการจองสมบูรณ์ เมื่อถึงวันจริง ก็ให้เราโชว์อีเมลที่มีเลขจองกำกับอยู่ เจ้าหน้าที่จะออกตั๋วให้เรา

สำหรับตั๋วฟรี หากจองแล้วเราเปลี่ยนแพลน หรือจองผิดวัน สามารถส่งอีเมลไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ยกเลิกตั๋วฟรีของเราได้ เพื่อเป็นการปล่อยตั๋วให้คนอื่นแทนค่ะ 

แต่มีตั๋วฟรีอยู่ 2 แห่ง ที่จะเปิดให้จองล่วงหน้าแค่ 2 อาทิตย์ คือ Oskar Schindler's Enamel Factory และ Rynek underground ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะไปวันจันทร์ที่ 14 เราจะจองตั๋วฟรีได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 เวลา 4 โมงเย็นเวลาไทยเป็นต้นไป ตั๋วมีจำกัด หากหมดแล้วหมดเลยค่ะ

ตอนแรกเราดูตั๋วของ 2 ที่นี้ล่วงหน้าประมาณเดือนหนึ่ง แล้วก็เห็นว่า ตั๋วฟรีหมดแล้ว แอบเสียดาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยว่าใกล้ๆ ค่อยซื้อตั๋วอีกที แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้น เราลองกดเข้าไปเช็กเล่นๆ แล้วเป็นจังหวะที่ตั๋วฟรีปล่อยมาพอดี เลยได้ตั๋วฟรีมาครองแบบงงๆ ค่ะ 55

ตอนเดินหาพิพิธภัณฑ์ในเมือง ให้มองหาป้าย MK ที่ติดข้างกำแพงอาคารเอาไว้ค่ะ มันเป็นสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์

2.ค่ายกักกัน Auschwitz-Birkenau

จองคิวล่วงหน้าผ่านเว้ปไซต์ของมันเองคือ https://www.auschwitz.org/en/ สามารถเลือกได้จะเข้าแบบมีไกด์บรรยาย ในช่วงเช้า (ค่าใช้จ่ายประมาณ 600 บาท) หรือเข้าไปเดินชมเองแบบไม่มีไกด์ในช่วงบ่าย (ฟรี แต่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า หรือไปรับตั๋วที่หน้างาน หากยังมีตั๋วเหลืออยู่)

3. Wieliczka Salt Mine

ไม่มีตั๋วฟรีค่ะ จ่ายตังก์ลูกเดียว และต้องเข้าไปกับไกด์ทัวร์เท่านั้น มีทัวร์ออกทุกชั่วโมง สามารถซื้อตั๋วออนไลน์หรือซื้อหน้างานก็ได้ เราไม่แน่ใจว่าจะไปถึงกี่โมง เลยเลือกซื้อตั๋วหน้างานค่ะ ราคาเท่ากัน คือคนละ 109 PLN หรือประมาณ 900 บาท ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.

ที่นี่จะมีทัวร์สองเส้นทางให้เดินคือ Tourist route กับ Minor’s route เราเดินเส้น Tourist route ค่ะ

แพลนเที่ยวใน 4 วันของเราจะเป็นตามนี้ เราจัดที่เที่ยวในแต่ละวันตามตั๋วฟรี ไม่ได้จัดกลุ่มตามที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ เพราะฉะนั้นใครที่จะทำแบบเรา ต้องเผื่อเวลาเดินทางไว้หน่อยนะคะ ส่วนตัวเราใช้เดินเท้าเป็นหลัก

จัดแพลนเที่ยวตามตั๋วฟรี

วันจันทร์

1.Oskar Schindler’s Enamel Factory (ตั๋วฟรี)

2.Fragment of Ghetto wall (ชมฟรีตลอดเวลา)

3.The Old Synagogue (ตั๋วฟรี)

4.Schindler's List Passage (ชมฟรีตลอดเวลา)

วันอังคาร

1.Rynek Underground (ตั๋วฟรี)

2.Wieliczka Salt Mine (ตั๋วเสียเงิน) – เดินทางไปนอกเมือง

วันพุธ

1.Hipolit House (ตั๋วฟรี)

2.Auschwitz and Birkenau (ตั๋วฟรี) – เดินทางไปนอกเมือง

วันที่พฤหัสบดี

1.Eagle pharmacy (ตั๋วฟรี)

2.Podgórze Museum (ตั๋วฟรี)

3.Wawel castle (เดินดูรอบ ไม่ได้เข้าไปข้างใน)

สำหรับคนที่มีเวลาน้อย เราแนะนำให้จัดที่เที่ยวตามนี้ค่ะ

วันที่ 1

1.Oskar Schindler’s Enamel Factory (ตั๋วฟรี)

2.Fragment of Ghetto wall (ชมฟรีตลอดเวลา)

3.Eagle pharmacy (ตั๋วฟรี)

4.Schindler's List Passage (ชมฟรีตลอดเวลา)

วันที่ 2

1.Rynek Underground (ตั๋วฟรี)

2.Wieliczka Salt Mine (ตั๋วเสียเงิน) – เดินทางไปนอกเมือง

วันที่ 3

1.Auschwitz and Birkenau (ตั๋วฟรี) – เดินทางไปนอกเมือง

2.Wawel castle

3.เที่ยวในเมืองหรือพิพิธภัณฑ์อื่นๆ

หมายเหตุ หากซื้อทัวร์แบบเดย์ทริป จะสามารถไปเหมืองเกลือและค่ายกักกันในวันเดียวกันได้เลย


ที่เที่ยวในเมือง

ตอนนี้เราจะพูดถึงที่เที่ยวในเมืองแต่ละที่สั้นๆ นะคะ บางแห่งจะอยู่ใน Old town บางแห่งจะอยู่ที่ฝ่ง Podgórze ห่างจาก Old town ไปประมาณ 2 กม. สามารถโดยสารรถรางหรือจะเดินไปก็ได้


ฝั่ง Old town

1.Rynek Underground – เป็นแหล่งค้นพบเมืองโบราณยุคคริสต์ศตวรรษที่ 11-15 ใต้ Old Town พิพิธภํณฑ์ตั้งอยู่ใต้ดิน ของที่นำมาตั้งโชว์อาจจะมีไม่มากเท่าพิพิธภัณฑ์อื่น ส่วนใหญ่จะเป็นซากหรือโครงสร้างเก่า ที่ขุดค้นพบ เช่น ซากบ้านช่างตีเหล็ก สุสานโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องชั่งน้ำหนัก ฯลฯ ที่นี่นำแสงสีเสียงมาประกอบการจัดแสดง ทำให้ดูแปลกตาดีค่ะ ใครที่มีเวลาเหลือ แนะนำให้ลองมาเดินดูที่นี่ค่ะ

จตุรัสกลาง  Old town คือทางเข้าพิพิธภัณฑ์

ประตูเข้าพิพิธ๓ัณฑ์กับประตูจะขายตั๋วจะตั้งแยกกันค่ะ

ภาพบางส่วนภายในพิพิธภัณฑ์

2.Hipolit House – เคยเป็นบ้านของตระกูลพ่อค้าที่มั่งคั่งในสมัยก่อน ภายในบ้านจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ละห้องจะมีเอกสารอธิบายอยู่ เข้าใจว่าเคยมีเอกสารภาษาอังกฤษอยู่ทุกห้อง แต่ตอนเราไป บางห้องไม่มีภาษาอังกฤษให้อ่านค่ะ สำหรับเรา พิพิธภํณฑ์นี้ไม่ได้มีอะไรมาก เดินแปปเดียวก็ครบแล้ว ถ้าเสียค่าบัตรเข้าไป เราคงแอบเสียดายเงิน

3.Schindler's List Passage – เป็นทางเดินที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Schindler's List ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชาวยิวในคราคุฟสมัยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เราเจอจุดนี้โดยบังเอิญในกูเกิ้ลแมป มันถูกปักไว้เป็นหนึ่งในที่เที่ยว ตอนแรกนึกว่าจะเป็นทางเดินยาวๆ แต่พอมาถึงคือสั้นนิดเดียวค่ะ

ฉากในภาพยนตร์คือ ตอนที่นาซีบุกเข้ามากวาดต้อนชาวยิวออกจากที่พัก บางส่วนก็หาที่หลบซ่อน แม่คนนึงพาลูกหนีออกมาจากแถว เพื่อจะไปหาหลบซ่อน แต่คนในนั้นยอมให้อยู่แค่ลูก แม่เลยวิ่งลงบันไดไปหาที่ซ่อนตัวอื่น แต่เจอทหารนาซีพอดี เลยหลบไปใต้บันไดก่อน

4.The Old Synagogue – เป็นโบสถ์เก่าแก่ของชาวยิวค่ะ ข้างในมีของเกี่ยวกับศาสนาจัดแสดงอยู่ เราไม่ได้ศึกษาศาสนาเขาเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยอินค่ะ เดินวนแปปเดียวแล้วเดินออกเลยค่ะ

ฝั่ง Podgórze – เคยถูกเปลี่ยนเป็น Ghetto หรือสลัมที่กักชาวยิวไว้ ไม่ให้ออกไปไหนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

1.Oskar Schindler’s Enamel Factory – โรงงานของ Oskar Schindler ผู้ช่วยเหลือชาวยิวในคราคุฟ 1 ใน 3 ของชาวยิวคราคุฟรอดมาได้ก็ด้วยความช่วยเหลือของเขา เรื่องของเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Schindler's List

ปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งของโรงงานยังคงใช้งานอยู่ ส่วนอาคารด้านหน้าถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภํณฑ์ทั่จัดแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน ระหว่าง และหลังสงครามโลก

รูปหน้าโรงงาน

รูปภาพของชาวยิวที่ออสการ์ช่วยไว้ได้

จุดสแตมป์บัตร เข้าใจว่าน่าจะทำเลียนแบบหนังสือทำงานของชาวยิวในช่วงนั้น ใครที่มีสมุดทำงาน จะไม่ต้องไปค่ายกักกัน

จำลองความแออัดใน Ghetto ชาวยิวไม่ว่าจะยากดีมีจน ถูกต้อนเข้ามาอยู่ในนี้หมดเลย 

ห้องทำงานของออสการ์

โดมรายชื่อชาวยิวที่ออสการ์ช่วยไว้ได้

จำลองค่ายกักกันที่อยู่ใกล้ๆๆ กับคราคุฟ จำไม่ได้ว่าชื่อค่ายกักกันอะไร แต่ไม่ใช่เอาชวิทซ์จ้า

เข้าใจว่าเป็นโรงงานที่ยังใช้งานอยู่ เราถ่ายระหว่างเดินไปยังประตูทางออก

2.Eagle pharmacy – เจ้าของร้านยานี้คือ Tadeusz Pankiewicz ชาวโปแลนด์ผู้ไม่มีเชื้อสายยิว เมื่อมีการสร้าง Ghetto ขึ้น ร้านยาของเขาจึงตั้งอยู่ในเขต Ghetto ทันที เขาปฏิเสธที่จะย้ายออก และยังคงเปิดร้านช่วยเหลือชาวยิวใน Ghetto ต่อไป ชาวยิวหลายคนใช้ที่นี่ในการลักลอบพบปะ กระจายอาหาร และอื่นๆ

ประตูแลกตั๋วจะอยู่ด้านซ้าย ส่วนประตูเข้าพิพิธภัณฑ์จะอยู่ด้านขวา

3.Fragment of ghetto wall – ส่วนหนึ่งของกำแพง ghetto ที่ยังหลงเหลืออยู่ ตัวกำแพงสร้างเลียนแบบป้ายหลุมศพของชาวยิว เมื่อนาซียึดคราคุฟไว้ได้ ชาวยิวที่กลับเข้าเมืองหลังจากหลบหนีออกไปต้องรีบเก็บข้าวของตัวเองภายใน 24 ชม. แล้วย้ายเข้ามาอยู่ใน gretto

4.Podgórze Museum – พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เขต Podgórze ในคราคุฟ สำหรับเราไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่


รีวิวทั้งหมดในซีรีส์นี้มีทั้งหมด 10 ตอนค่า

1 การเดินทางในออสเตรีย และโปแลนด์ https://th.readme.me/p/39977
2 เมือง UNESCO ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เช้าไปเย็นกลับก็ทำได้ https://th.readme.me/p/39994
3 เดย์ทริป Wachau Valley และ Melk Abbey UNESCO 2 แห่งระหว่างเมือง Melk Dürnstein และ Krems https://th.readme.me/p/39997
4 เดย์ทริปไป Budapest เยี่ยมชม Buda castle และโรงพยาบาลใต้ดิน Hospital in the Rock Nuclear Bunker Museum https://th.readme.me/p/39998
5 เดย์ทริปไป Kutna Hora แวะชม Sedlec Ossuary โบสถ์โครงกระดูกอันโด่งดัง กับประสบการณ์ตกรถไฟคนเดียวที่เช็ก! https://th.readme.me/p/40003
6 สองวันในเวียนนา ลัลล้าใน Museum of natural history และ ทำความรู้จักกับ Sisi ใน Hofburg palace และ Schonbrunn palace https://th.readme.me/p/40004
7 ยินดีต้อนรับสู่เมืองคราคุฟ เมืองที่ถูกย้อมด้วยเลือดของชาวยิว เยี่ยมชม Oskar Schindler's Enamel Factory Rynek Underground ใน Kraków โปแลนด์ https://th.readme.me/p/40102
8 ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์แห่งความตาย Auschwitz and Birkenau concentration camps และเหมืองเกลือ Wieliczka Salt Mine https://th.readme.me/p/40103
9 เดย์ทริปไป ปราสาทมาลบอร์ก UNESCO ปราสาทยุคกลางที่มีพื้นที่มากที่สุดในโลก Malbork castle Poland https://th.readme.me/p/40104
10 2 วันในวอร์ซอ เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชาวยิวที Polin Museum และเดินเล่นที่ Łazienki Park https://th.readme.me/p/40105

Duck's journey

 วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.09 น.

ความคิดเห็น