Day 1
ทริปนี้จองมาเนิ่นนาน หมายมั่นปั้นมือ กับการจะไปดูนาขั้นบรรไดที่ป่าปงเปียง แต่พอเอาเข้าจริงๆ
เหลือแต่ตอ TT เศร้าใจ
เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปทุ่งดอกไม้สวยๆเอาก็ได้ คืนแรกนอนไร่ชาลุงเดช
มื้อเย็นจะไปกินผัดไทเตาถ่านแต่ดันปิด ดีที่ร้านโจ้กศรีพิงค์ช่วยชีวิตไว้ทัน
ปีที่แล้วบินไฟร์ทเช้า ก็เปิด นี่ปิดไฟร์ทเย็น ก็เปิดอีก ดีงามมม
รีวิวให้เค้าหน่อยละกัน
ร้านนี้มีอาหารตามสั่ง หลากหลายเมนูเลือกกินไม่ถูกเลยทีเดียว
เมนูก็ตามนี้เลย นั่งมองซ้ายมองขวา รับโครงการคนละครึ่งด้วย โอ้ววววดีไปอีกกก
มัวแต่หิวโฮก ไปถึงมืดค่ำเลย ระทึกอีกแล้ว ขับรถขึ้นเขายามค่ำคืน แบบไม่มีไฟทาง
มองออกไปที่หน้าต่าง โอ้ววว ดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้าเข้ามาแทน พอใกล้ๆจะถึง
ทางโหดเอาเรื่อง โดยเฉพาะป้าย ใจไม่ถึง จอดไว้ข้างล่าง
หืม ทั้งเลี้ยวและเนินสูงชัน แต่ใจสู้ ในที่สุดก็มาถึง
รีบเก็บข้าวของแล้วผลุบหายเข้าไปในห้องอย่างไว
หนาว หนาวมาก ยิ่งมืด ดาวยิ่งสวย เป็นความจริงที่ได้เห็นกับตาก็คืนนี้แหละ
ที่นี่จองยาก ถึงยากมาก โทรให้ติดและส่งสลิปเป็นข้อความให้ได้เป็นพอ
เรามาวันธรรมดาก็พอมีคนพักอยู่นะ มีห้องแถว กับบ้านหลัง บ้านหลังเต็ม
เลยได้มานอนห้องแถว นี่ขนาดวันธรรมดานะ
ซึ่งอยู่ใต้ถุนบ้าน ไม่กันเสียงอย่างมาก ห้องน้ำต้องเดินไปอีกประมาณ 200 เมตร
ที่ไม่ประทับใจเห็นจะเป็นเสียงดังจากกรุ๊ปทัวร์ ถ้ามากันสองคนไม่เท่าไหร่
นี่พาแม่กับเด็กเล็กมาด้วยเลยเสียใจนิดๆ ไม่เหมาะกับนอนห้องแถวเลยจริงๆ
เพราะที่นี่เงียบมาก
ได้ยินแม้แต่เสียงเดินด้านบนบ้านที่เป็นไม้กระดานทุกฝีก้าว เล่นเอาดึกเลยกว่าจะได้นอน
แต่ที่นอนดีอยู่นะ นุ่มสบายดี ในห้องไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย นอกจากโต๊ะเครื่องแป้งกับปลั้กไฟ เข้าถึงธรรมชาติโดยแท้
Day 2
หกโมงเช้าหมอกกรุ่นๆลอยมาทักทายถึงหน้าประตู พากันลากจากที่นอนออกมาถ่ายรูป
ถ่ายแบบหมอกฟุ้งๆไม่เห็นอะไร
นี่แหละเสน่ห์ของการมาเที่ยวเชียงใหม่ในครั้งนี้
คือเอาตัวและใจออกไปสัมผัส
ดื่มด่ำกับ บรรยากาศท่ามกลางความเงียบ ของธรรมชาติ
แต่เชื่อเลย เจ็ดโมง ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้ว
และทยอยมาเยอะขึ้นเรื่อยๆจนถึงหน้าห้องพักจนสิบโมง
มาสายกว่านี้หมอกก็หนีไปพร้อมแสงแดด และอาจจะผิดหวังโดยไม่รู้ตัว
แต่ถ้าอยากมานั่งกินอาหารเช้า กับวิวพาโนราม่ากลางหุบเขา
ในอากาศเย็นๆละก็ได้อยู่นะ
ที่นี่มีบริการอาหารตามสั่ง ชาร้อน กาแฟ โอวัลติน เค้ก สบายท้องไปอีกมื้อ
ราคาไม่แรงมาก 50-60 ชาร้อนถ้าจำไม่ผิด กาละ 30 เค้ก 60-70
หมอกค่อยๆสลายไปตามแสงเช้าของวันใหม่
พอคนเริ่มเยอะเราก็เชคเอ้าท์
อาหารกลางวันแวะรับประทานกันที่ ปิ่นโตโฮมเมดแม่ริม ที่นี่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งด้วยนะ
ก๋วยเตี๋ยวคั่วอร่อยจนต้องสั่งใส่กล่อง หอมกลิ่นคั่วกระทะ
ชอบสารพัดผักที่ใส่ลงมาในก๋วยเตี๋ยวคั่วอ่ะ
คือผักสด กัดงี้ดังกรุบกรับเลย
เสร็จแล้วแวะกันที่วัดป่าดาราภิรมย์ เป็นวัดที่สวยงามอีกวัดนึงเลยที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
อยู่อำเภอแม่ริม
วัดป่าดาราภิรมย์มีความสำคัญเป็นพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ในจังหวัดเชียงใหม่
ที่ตั้งของวัดอยู่ด้านหลังที่ว่าการอำเภอแม่ริม รอบๆ มีการประดับด้วยโคมล้านนา
มีพระอุโบสถ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
พระราชชายาในรัชกาลที่ 5
มีความวิจิตรตามสถาปัตยกรรมแบบล้านนา
สวย สะกด
ความสงบคืบคลานมาอย่างน่าประหลาดใจ
มีพร๊อพสวยๆเป็นร่มล้านนา อดใจที่จะไม่เอามาถ่ายรูปไม่ได้เลย
พระบรมธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย
เสียดายที่มีเวลาไม่พอ เลยไม่ได้แวะพระตำหนักดาราภิรมย์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน
ระหว่างทางผ่านน้ำตกตาดหมอก ไม่ได้อยู่ในแพลน แต่ทางผ่านก็แวะซะหน่อย
อากาศเริ่มเย็นเหมือนห้าโมง ทั้งๆแค่บ่ายสามโมงครึ่ง
อุทยานเงียบมาก ป้ายทางเข้า เขียนจำนวนผู้เยี่ยมชม รวมทั้งเราด้วยแค่ 12คน
ที่นี่เป็นน้ำตกที่ระยะทางสั้นที่สุดเท่าที่เคยเดินมาเลย รองจากน้ำตกจ๊อกกระดิ่นที่กาญจนบุรี
หน้าผากว้างเหมือนหน้าผาจำลอง น้ำสาดกระเซ็นเป็นฝอย สดชื่น เย็น เฉียบ
คืนที่สอง พักที่ม้ง ฮิลไทร์ป ลอจ์ด เป็นรีสอร์ทที่ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ กว้าง
ร่มรื่นด้วยหญ้าเขียวขจี
มีมุมถ่ายรูปเยอะ มีสระว่ายน้ำ แต่อากาศเย็นเกินกว่าจะมานั่งแช่น้ำ
ออกแบบสไตล์ความเป็นพื้นเมืองผสมผสานความเป็นสวนสไตล์อังกฤษ
โต๊ะเกร๋ๆที่ตั้งในสวนใกล้สระว่ายน้ำ
เวลคัมดริ๊งเป็นน้ำมะตูมเย็นๆหอมชื่นใจ
บ้านหนึ่งหลังจะมีสี่ห้อง เรานอนห้องเดียวเค้าก็แบ่งบ้านให้แขกคนละหลังไปเลย
มีที่นั่งส่วนกลางด้วย คนเข้าพักประมาณนึงเลย
เราใช้สิทธิ์เที่ยวด้วยกัน แล้วยังสามารถใช้เงินสนับสนุนท่องเที่ยวเป็นอาหารเย็นได้ด้วย
สั่งเซทชาบูมากิน ผักสด หวาน กรอบมาก
คือ กรอบจนน่าสงสัยว่าผักบ้านเราทำไมไม่กรอบแบบนี้บ้าง
Day 3
รับประทานอาหารเช้าแล้ว สายๆไปม่อนแจ่ม ว่าจะไปถ่ายรูปไร่ดอกเก๊กฮวย ทางขึ้นมหาโหดอีกแล้ว
ที่จอดรถน้อย และดอกเก๊กฮวยบางส่วนถูกเก็บไปแล้ว เราจึงเปลี่ยนใจไปบนม่อนแจ่ม ด้านบนที่เคยไปมาหลายปีแล้ว เปลี่ยนไปมาก บนม่อนแจ่มที่เคยมีทุ่งดอกไม้ ร้านกาแฟ ถูกทำเป็นลาน
ไม่สวยเหมือนแต่ก่อน
แต่ร้านกาแฟก็ยังมีเช่นเคย มีการปรับปรุงเป็นจุดชมวิว ด้านบนถูกแบ่งเป็นไร่ที่ปลูกดอกไม้
เพื่อให้คนไปถ่ายรูป นั่นก็คือ ไร่ดอกลมหนาว วิวไกลๆด้านโน้นก็คือที่พักที่ทุกคนโหยหา
อยากมานอนม่อนแจ่ม เช็คราคาแล้วแอบแรง 2000 ขึ้นไปเลยทีเดียว
นี่ขนาดนอนไม่ติดม่อนแจ่มมาก ถ่ายดาวยังไม่ติดเลย แสงไฟรบกวนเยอะเกิ๊นน
ไร่ดอกลมหนาว เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ค่าเข้าชมสวน 30฿ เด็กที่สูงไม่เกิน120 10฿
ไร่สตอเบอรี่ ปลายฟ้า ซึ่งอยู่ข้างๆกัน ค่าเข้าผู้ใหญ่20฿ เด็กที่สูงไม่เกิน120 10฿
ไปตอนเกือบเที่ยง เล็งอยู่นาน เพราะแสงแข็งแน่ๆ เล็งกันเกือบหน้ามืด
ถ่ายรูปเสร็จใกล้เที่ยงพอดีเลยแวะกินข้าวร้านคนดอย ถ้าหันหลังให้ลานจอดรถที่อยู่ด้านล่าง
ร้านจะอยู่ทางขวามือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสชาติแบบที่ไม่เคยกินที่ใหนมาก่อน
อร่อยดี ราคาไม่แรง 40-50
มีมุมนั่งกินที่สามารถมองวิวบนม่อนแจ่มได้เพลินกับอากาศเย็นๆ ตกบ่ายเส้นที่ขับผ่าน
แวะวัดสวนดอก
วัดสวนดอก หรือ วัดบุปผาราม ตั้งอยู่บนถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่
ที่น่าดึงดูดสายตา คือสถูปเจดีย์สีขาว วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์มังรายของอาณาจักรล้านนา มีปูชนียสถานที่สำคัญทรงคุณค่าอยู่มากมาย
เช่น พระเจดีย์องค์ใหญ่ทรงลังกาที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่และหุ้มแผ่นทองคำ แต่เดิมเป็นเจดีย์ทรงสุโขทัยหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์
กู่เจ้านายฝ่ายเหนือซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของอดีตเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ทั้ง 9 พระองค์
และพระราชชายาเจ้าดารารัศมี
ค่าใช้จ่ายในทริปนี้
ค่าเครื่อง ไปกลับ 4 คน 8000 หน่อยๆ
เช่ารถ Yu rent a car วันธรรมดา วันละ 990 เครื่อง 1500 ค่าประกันรถ 3000
คืนรถได้ไม่มีปัญหา
ค่าน้ำมัน 800 ทั้งทริป
Day 1
- โจ้กศรีพิงค์ (เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง) เหมือนจะเปิดทั้งวันทั้งคืน จ่ายสองร้อยหน่อยๆ
- ที่พัก ไร่ชาลุงเดชห้องแถว 600
Day 2
- ปิ่นโตโฮมเมดแม่ริม (เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง) จ่ายไม่ถึงร้อย
- วัดป่าดาราภิรมย์
- น้ำตกตาดหมอก ค่าเข้าอุทยาน เข้าผู้ใหญ่ 20฿ เด็ก 10฿ รถยนต์ 30 ฿ ปิด 16.30 น.
- ม้ง ฮิลไทร์ป ลอจ์ด ราคาส่วนลดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จองผ่านเพจโรงแรม
มีวิธีการละเอียดยิบบอกขั้นตอนการจอง
3 คน เป็นเตียงเสริม 1 1,050 บาท/คืน/ห้อง พร้อมอาหารเช้า
รูปที่พักโดยละเอียดแจ้งในเพจ คลิ้ก - อาหารเย็นสั่งเซทชาบูโรงแรมมา 399 ใช้สิทธิ์เที่ยวด้วยกันได้อีกแหน่ะ
สรุปแล้วก็ไม่กี่บาทเอง
Day 3
- ไร่ดอกลมหนาว อยู่บนม่อนแจ่ม ค่าที่จอดรถ 30฿
เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
ค่าเข้าชมสวน ค่าเข้าผู้ใหญ่30฿ เด็กที่สูงไม่เกิน120 10฿ - ข้าวกลางวัน ร้านคนดอย ร้านอยู่ในลานที่จอดรถม่อนแจ่ม 200 ฿
- วัดสวนดอก
ความจริงทริปนี้ไปห้าวันด้วยกัน
จะเขียนหมดก็จะยาวถึงยาวมาก
ในตอนที่สอง
ไปฟินๆกับอากาศบนดอย ใครมาแล้วไม่ขึ้นมาที่นี่จะเสียใจมาก
ทำไมแม่ถึงร้องขอมาอีก
กับอลังการวัดที่มีวิหารสวยติด 1 ใน 10 วิหารสวยของประเทศไทย
ติดตามได้ในตอนต่อไป
เชียงใหม่ ยังไม่จบแค่นี้
ไปกี่ที ไม่มีเบื่อเลยจริงๆ
ไม่กี่บาทเอง ถ้าตัดเรื่องค่าเครื่องกับเช่ารถยนต์ คือไม่น่าเกินหมื่น
ไปกับเด็ก คนสูงอายุ เอาใจหน่อย นั่งนานไม่ไหว
ขนาดนี้ ก็สมบุกสมบันพอสมควร กลับมาบ่นปวดขา แต่ร้องจะมาอีก
ความสุขจะอยู่กับเราเสมอ ถ้าเปิดใจ ออกไปพบสิ่งใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ
ค้นหาความหมายของชีวิตให้ตัวเอง
เชื่อเถอะว่าจะมีคำตอบอยู่ในทุกครั้งที่เราออกเดินทางเสมอ
แล้วเก็บกระเป๋าไปกัน
กดติดตามกันได้ที่
>>>>ไปเที่ยวกัน
ไปเดินเล่นกันที่ พิพิธภัณฑ์พระราม 9
กางเต้นท์ริมเล นอนเซฟังเสียงคลื่น
ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม
พายคายัควังบอน นอนเต้นท์เล่นน้ำตก
กว่าจะถึงภูเก็ตตอนที่ 2 ตามล่าหาติ่มซำ
กว่าจะถึงภูเก็ต ตอนที่ 3 บทส่งท้าย
จากโคราชถึงปากช่อง...ที่เที่ยวลับๆ ที่น้อยคนนักเข้าไม่ถึง
เลเจนด์ สยาม ความงามแบบฉบับไทยๆ
ยิ่งรู้จัก ยิ่งหลงรักเมืองลำปาง
เติมความสุขอิ่มแปล้ ณ สะพานแพ โฮมสเตย์
เที่ยว อิต่อง เหมืองปิล๊อค น้ำตกจ๊อคกระดิ่น กางเต้นท์ที่ทองผาภูมิ
แมวเหมียว ไปเที่ยวกัลลลล
วันพฤหัสที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.27 น.